นายอธิป พีชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เปิดเผยในงานสัมมนา Dailynews Talks หัวข้อโจทย์ใหญ่ อสังหาริมทรัพย์ไทยฟื้นอย่างไรให้ยั่งยืนว่าภาคอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ยังมีความเปราะบาง หากไม่มีมาตรากระตุ้น จะส่งผลต่อตลาดตกต่ำมากถึง -10% ในทางตรงกันข้าม หากมีมาตรการใหม่ออกมากระตุ้นพร้อมกับปลด หรือผ่อนคลายมาตรการเดิมที่เป็นข้อจำกัด จะทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวที่ 5% เชื่อว่าถ้ารัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีการใช้จ่ายเงิน อีก 3 ไตรมาสจะทำให้อสังหาฯ ฟื้นกลับมาได้
ทิศทางของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยในปีนี้ยังมีความไม่แน่นอน เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจในไทยที่ยังไม่ฟื้นตัวกลับมา กำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ อัตราดอกเบี้ยที่สูง และมาตรการ LTV ทั้งหมดเป็นปัจจัยที่กดดันต่อภาพรวมของอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ จะเห็นได้ว่าตลาดอสังหาริมทริมทรัพย์ในไตรมาส 1 ผ่านมา หดตัวลงมากถึง -10%
”ภาพเศรษฐกิจยังลุ่มๆ ดอนๆ กำลังซื้อก็ยังไม่กลับมาดี ดอกเบี้ยก็ยังสูง และแบงก์ก็ยังปล่อยกู้ยากอีก ทำให้ตอนนี้ใครจะซื้อบ้านก็ยังเจออุปสรรค ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ ในช่วงที่ผ่านมา และปีนี้ก็จะโตไม่โตก็ยังไม่แน่ใจ“
ขณะที่ปัจจัยดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวอยู่ไนระดับสูง ยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้คนชะลอการตัดสินใจซื้อบ้าน แต่คาดหวังจะมีการลดดอกเบี้ยสัก 1 ครั้งในครึ่งปีหลังนี้ราว 0.25% ซึ่งพอที่จะช่วยพยุงตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้ฟื้นกลับมาได้บ้างในครึ่งปีหลังนี้ ด้านปัจจัยที่ต้องติดตามต่อไป คือ ค่าแรงขั้นต่ำที่ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 400 บาท/วัน จะเป็นปัจจัยที่เร่งอัตราเงินเฟ้อของไทยให้สูงขึ้นหรือไม่ ซึ่งหากทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นอาจจะส่งผลกระทบต่อการพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยได้ และเป็นปัจจัยที่กดดันภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ต่อไปอีก
นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวต่อไปว่า การแข่งขันของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ มองว่าจะแข่งขันกันรุนแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการลดราคา และการออกแคมเปญโปรโมชั่นต่างๆ ที่จะเห็นออกมากันเยอะมาก ซึ่งทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 67 แข่งขันกันดุเดือดในปีนี้ท่ามกลางข้อจำกัด และภาวะตลาดที่ซบเซา
ดังนั้น ข้อเสนอแนะนำให้รัฐบาล คือ อยากให้มีการจัดตั้งกองทุนค้ำประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัย เพื่อเข้ามาค้ำประกันให้กับผู้กู้ซี้อบ้านที่มีรายได้น้อย จะสร้างความมั่นใจให้กับสถาบันการเงินมากขึ้นที่จะอนุมัติสินเชื่อ ส่งผลให้คนมีรายได้น้อยเข้าถึงการมีสินเชื่อที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น โดยให้รัฐบาลค้ำประกันราว 20-30% รวมถึงประกันสินเชื่อที่อยู่อาศัยที่ใช้กับคนในทุกระดับ โดยคิดค่าธรรมเนียมกับยอดให้สินเชื่อ
ขณะนี้ ราคาที่อยู่อาศัยที่มีราคาสูงขึ้น ซึ่งสวนทางรายได้นั้น จึงเสนอให้เปลี่ยนเกณฑ์การพัฒนาบ้านจัดสรรลดลงจากเดิมขั้นต่ำ 50 ตารางวามาเหลือ 40 ตารางวา มีส่วนช่วยให้ลดการขึ้นราคาบ้าน เนื่องจากขนาดของที่ดินน้อยลง ส่งผลให้ลดต้นทุนที่ดินในการซื้อบ้านลงได้ 20% แต่การใช้สอยภายในบ้านยังคงเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงมาก ทำให้คนสามารถซื้อบ้านได้ในราคาที่เข้าถึงได้มากขึ้น
นอกจากนี้ยังอยากให้มีการพักภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง และปรับปรุงวิธีการเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างใหม่ ซึ่งจากที่ออกมาแล้วสร้างความสับสนในการคิดคำนวณอัตราภาษีที่มีความซับซ้อนอยู่ และยังมีการประเมินที่ไม่มีความถูกต้อง ทำให้เกิดความซับซ้อนกับเจ้าของที่ดินและผู้ประเมิน