นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. กล่าวถึงกรณีเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ุผ่านมา เครื่องบินโดยสาร สายการบินไทยเเอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD3188 ขณะกำลังบินจากสนามบินดอนเมือง มุ่งหน้านครศรีธรรมราช เกิดมีเหตุการณ์แบตเตอรี่สำรอง (พาวเวอร์แบงค์) ของผู้โดยสารระเบิดบนเครื่องบินนั้น
ทอท.มีระบบตรวจสอบสัมภาระของผู้โดยสาร รวมถึงตรวจสอบพาวเวอร์แบงค์ก่อนนำขึ้นเครื่องบิน ให้เป็นไปตามมาตรฐานปัจจุบัน โดยได้ห้ามไม่ให้ผู้โดยสารนำพาวเวอร์แบงค์ใส่ไปกับกระเป๋าเดินทางในการโหลดใต้ท้องเครื่องบิน เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแล และจะให้พกพาวเวอร์แบงค์ขึ้นไปกับผู้โดยสารเท่านั้น รวมถึงความจุพาวเวอร์แบงค์จะต้องไม่เกิน 30,000 มิลลิแอมป์ ซึ่งเป็นมาตรการที่ ทอท.ควบคุมอย่างเคร่งครัด
สำหรับมาตรการการตรวจจะเข้มข้นขึ้นหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาระหว่างความสะดวกสบายของผู้โดยสารที่มาพร้อมกับทำมาตรการที่เข้มข้นขึ้น หากห้ามการนำพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องบินไปด้วย ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกจะเป็นปัญหาอีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งตรงนี้จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ที่จะควบคุมเรื่องกฎระเบียบและพิจารณาความสะดวกสบายของผู้โดยสารเปรียบเทียบกับเรื่องความปลอดภัย ซึ่งทาง ทอท.พร้อมปฏิบัติตามมาตรการ
นายกีรติ กล่าวว่า จากกรณีนี้ ผู้โดยสารไม่ได้มีความผิด เพราะได้นำพาวเวอร์แบงค์ขึ้นเครื่องบินตามสิทธิที่สามารถทำได้ ขณะเดียวกัน หน่วยงานก็ไม่ได้ผิด เพราะตรวจสอบพาวเวอร์แบงค์แล้วสามารถนำขึ้นเครื่องได้ตามที่มาตรฐานกำหนด แต่สิ่งที่ทำให้เกิดการระเบิดอาจเพราะพาวเวอร์แบงค์เป็นยี่ห้อที่ไม่ได้มาตรฐาน และเป็นชนวนเหตุที่ทำให้เกิดการลุกไหม้
ดังนั้น หน่วยงานคงให้คำแนะนำผู้โดยสารให้ใช้พาวเวอร์แบงค์ที่มีการรับรองมาตรฐาน และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ดี แต่ถ้าจะให้หน่วยงานไปตรวจสอบว่าแต่ละผลิตภัณฑ์ได้มาตรฐานหรือไม่ ก็เป็นปัญหาอีกลักษณะหนึ่งที่หน่วยงานอื่นที่อยู่นอกเหนือการทำงานของ ทอท. นายกีรติกล่าว