กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ เปิดเผยมุมมองเศรษฐกิจโลกปี 2024 พบว่า ได้ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลก หรือจีดีพีจากเดิมที่คาดการณ์เมื่อเดือนตุลาคมปี 2024 ที่ระดับ 2.9% ขึ้นอีกเล็กน้อย +0.2% มาเป็นระดับ 3.1% และเศรษฐกิจโลกในปี 2025 คาดการณ์ขยายตัวที่ 3.2% สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่มีความยืดหยุ่นสูงทำให้สามารถชะลอตัวลงอย่างนิ่มนวล ด้านเศรษฐกิจจีนที่มีขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก พบว่ารัฐบาลจีนผลักดันมาตรการการใช้จ่ายงบประมาณเพื่อฟื้นและกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศหลายด้าน นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย และอินเดีย สามารถปรับตัวได้ดีกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ขณะนี้ โอกาสที่เศรษฐกิจจะเกิดภาวะชะลอตัวอย่างรุนแรงนั้นเริ่มลดน้อยลง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็นราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาทรงตัวสูง และปัญหาเครือข่ายการผลิต ซึ่งได้รับผลกระทบจากความผันผวนของปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ไอเอ็มเอฟ เปิดเผยว่า ในปี 2024 นี้ ได้คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาจะขยายตัวที่ 2.1% เศรษฐกิจญี่ปุ่นและกลุ่มยูโรจะขยายตัวที่ระดับ 0.9% และเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรจะเติบโตที่ 0.6%
อย่างไรก็ตาม ไอเอ็มเอฟยอมรับว่า ถึงแม้จะมีมุมมองในทิศทางบวกต่อภาวะเศรษฐกิจโลกก็ตาม แต่ตัวเลขคาดการณ์ที่ได้ปรับเพิ่มขึ้นในรอบนี้ ปรากฏว่า เศรษฐกิจโลกปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่าค่าเฉลี่ยการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วง 20 ปีผ่านมา หรือระหว่างปี 2000-2019 ที่มีค่าเฉลี่ยขยายตัวสูงถึง 3.8% สาเหตุจากในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษ 2020 นี้ ปัจจัยลบที่กระทบต่อการขยายตัวเศรษฐกิจโลกยังคงสางผลต่อเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางสำคัญทั่วโลกที่ทรงตัวในระดับสูงหลายทศวรรษ การถอนมาตรการสนับสนุนนโยบายการคลังของรัฐบาล และประสิทธิภาพการขยายตัวที่ลดลง
แต่การใช้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารกลางทั่วโลกมีผลให้ลดอัตราเงินเฟ้อในระดับสูงปรับลดลงต่อเนื่องอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ในภูมิภาคส่วนใหญ่ของโลก ไอเอ็มเอฟประเมินมุมมองเงินเฟ้อของเศรษฐกิจโลกในปี 2024 ที่ระดับ 5.8% และในปี 2025 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.4% สำหรับภาวะเงินเฟ้อในประเทศพัฒนาแล้ว ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าจะอยที่ระดับ 2.6% และ 2.0% ในปีนี้และปีหน้าตามลำดับ