กกต. คาดจะมีความชัดเจนเรื่องประกาศรับรอง ส.ส. สัปดาห์หน้า ไม่กังวลสังคมกดดัน

193
0
Share:
กกต. คาดจะมีความชัดเจนเรื่องประกาศ รับรอง ส.ส. สัปดาห์หน้า ไม่กังวลสังคมกดดัน

นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวกรณีมีคำสั่งให้นับคะแนน 47 หน่วยเลือกตั้งใหม่ว่า เป็นมติที่ประชุม กกต. เนื่องจากเห็นว่าจำนวนบัตรออกเสียงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิตรงกัน แต่คะแนนที่นับออกมาไม่ตรงกัน อาจจะมีสาเหตุจากการขีดคะแนนผิดพลาด จึงจำเป็นต้องนับคะแนนใหม่ใน 47 หน่วย

ทั้งนี้ กระบวนการนับคะแนนใหม่ จะต้องทำโดยไม่ล่าช้า คาดว่าไม่เกิน 5 วันก็น่าจะเสร็จเรียบร้อย หลังจากนั้น จะต้องส่งผลการนับคะแนนมาให้ กกต.อีกครั้ง โดยการนับคะแนนใหม่นี้ จะไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคการเมืองได้รับ เพราะนับเพียงบางหน่วยเท่านั้น

ส่วนกรณีที่กฎหมายให้อำนาจ กกต.วินิจฉัยว่าหากไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงลำดับ ส.ส.ก็ไม่ต้องนับใหม่นั้น ประธาน กกต.กล่าวว่า มาตราดังกล่าว เกี่ยวข้องกับกรณีที่พบว่าบัตรออกเสียงเลือกตั้ง ไม่ตรงกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ ซึ่งเป็นคนละกรณีกับที่เหตุ กกต.สั่งนับคะแนนใหม่ อย่างไรก็ดี ขณะนี้ยังมีกรณีที่สำนักงาน กกต. จะเสนอเรื่องเกี่ยวกับการนับคะแนนใหม่ หรือสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ให้ กกต.พิจารณา ซึ่งขึ้นอยู่กับที่ประชุมว่าจะมีความเห็นว่าอย่างไร

โดยในการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งนั้น กกต. ไม่สามารถทยอยประกาศรับรองผลได้เหมือนการเลือกตั้งท้องถิ่น เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้ กกต.ต้องประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 95% จึงไม่สามารถะทยอยประกาศได้ อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาว่าผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งมานั้น ได้รับการเลือกตั้งมาโดยสุจริตหรือไม่ หาก กกต.พิจารณาเห็นว่ามีเรื่องร้องเรียน โดยขั้นตอนหากมีการร้อง สำนักงาน กกต.จะพิจารณาว่าเป็นเรื่องที่มีมูล หรือควรสั่งรับคำร้องหรือไม่ หากรับคำร้อง ก็จะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสืบสวนไต่สวน และดำเนินการสืบสวนไต่สวนไปตามขั้นตอน ซึ่งหากดำเนินการไม่ทันภายในเวลา 60 วัน กกต.ก็จะประกาศรับรองผลไปก่อนแล้วไปดำเนินการในภายหลัง

อย่างไรก็ตามคาดว่าในสัปดาห์หน้า จะมีความชัดเจนว่าจะสามารถประกาศรับรองผลได้เมื่อไร แต่เชื่อว่า กกต.จะประกาศรับรองผลได้เร็วกว่า 60 วัน เร็วกว่าเมื่อปี 2562 แน่ๆ เพราะ กกต.เอง ก็ไม่อยากให้ล่าช้า

ส่วนกรณีคำร้องการถือหุ้นสื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ว่า มีการยื่นคำร้องมา 3 คำร้อง อยู่ในขั้นตอนสำนักงาน กกต.พิจารณาว่าจะรับเป็นคำร้องหรือไม่ และหากไม่รับเป็นคำร้อง จะรับเป็นความปรากฏต่อกกต.หรือไม่ หากรับก็จะมีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนมาดำเนินการสืบสวนไต่สวน และเชิญผู้ถูกกล่าวหามาให้ถ้อยคำ ซึ่งกระบวนการสอบสวน สามารถทำควบคู่ไปกับการประกาศรับรองผลก็ได้

ขณะที่กรณีที่นายพิธา ได้เซ็นรับรองส่งผู้สมัคร ส.ส.ในฐานะหัวหน้าพรรค จะส่งผลให้ไม่สามารถประกาศรับรอง ส.ส.พรรคก้าวไกลได้หรือไม่นั้น นายอิทธิพร กล่าวว่า “ไม่ถึงขนาดนั้น”

สำหรับข้อบังคับพรรคก้าวไกล กำหนดให้สมาชิกพรรคต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วหากนายพิธา ถูกชี้ว่าผิด จะส่งผลต่อการได้รับการรับรอง ส.ส.พรรคก้าวไกลหรือไม่ นายอิทธิพร กล่าวว่า เรื่องนี้ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา การให้ความเห็นเบื้องต้นทำไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ กกต.ต้องพิจารณาร่วมกัน และยังต้องใช้เวลาอีกมาก แต่เรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหุ้นสื่อทั้งหมด ซึ่งการเชิญนายพิธามาชี้แจง ก็ดำเนินการหลังมีการตั้งคณะกรรมการแล้ว โดยไม่ได้รู้สึกกังวลกับการที่สังคมกดดัน กกต.ให้เร่งรับรองผลเลือกตั้ง หรือการไม่ให้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับนายพิธา ยืนยันว่า กกต. รับทราบความเห็นและความต้องการของประชาชน แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่สามารถละเว้นการปฏิบัติได้