กกร. เชื่อมือ ครม.เศรษฐกิจเศรษฐา หลายคนผ่านงานมาแล้ว เล็งตบเท้าเข้าหารือ

292
0
Share:
กกร. เชื่อมือ ครม. เศรษฐกิจ เศรษฐา หลายคนผ่านงานมาแล้ว เล็งตบเท้าเข้าหารือ

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งแล้วนั้นคาดว่าเร็วๆ นี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ที่ประกอบด้วย ส.อ.ท. สมาคมธนาคารไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจะได้มีโอกาสหารือร่วมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและทีมเศรษฐกิจ เพื่อเสนอแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจระยะที่เหลือของปีนี้ ทั้งการแก้ไขปัญหาปากท้องชาวบ้านและผลักดันการแก้ไขปัญหาภาพรวมที่รวบรวมไว้ในสมุดปกขาวที่ กกร. ได้จัดทำขึ้นและได้มอบให้กับแต่ละพรรคการเมืองในช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมา

โดยสมุดปกขาวได้มุ่งเน้นเสริมเสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่งจะเป็นรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคตอย่างยั่นยืน และประเด็นอื่นๆที่ต้องเร่งดำเนินการที่เป็นปัญหาใหม่ที่กำลังจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่ผู้ประกอบการกว่า 20 อุตสาหกรรมใน ส.อ.ท. กำลังได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีสินค้าราคาถูกจำนวนมากทะลักเข้ามาไทยโดยเฉพาะจากจีน ปัญหาติดขัดเรื่องการส่งออกที่เร่งแก้ไข เช่น อุตสาหกรรมไม้อัดไม้บาง ที่ติดอยู่ที่ท่าเรือโดยไม่ทราบสาเหตุ และจะขยายผลเรื่องการบริหารจัดการน้ำจากปัญหาภัยแล้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการขยับอะไร โดยจะเสนอการแก้ไขปัญหาในระยะยาวในการแก้ไข ฯลฯ

สำหรับ ครม.เศรษฐา 1 ไม่ได้ผิดจากโผที่มีออกมาก่อนหน้าแล้วมากนัก โดยพบว่าครม.เศรษฐกิจหลายคนก็ได้เคยเห็นผลงานมาแล้ว แต่สำหรับบางคนที่ยังไม่เคยเห็นก็ต้องให้โอกาสทำงาน และดูว่ารัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย และนายเศรษฐา จะทำอย่างไรในการนำพาทีมเศรษฐกิจให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญคือจะทำอย่างไรเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนในทุกระดับ

ส่วนปัญหาที่อยากให้เร่ง คือปัญหาปากท้องที่เคยพูดมาอย่างต่อเนื่อง เพราะตอนนี้หลายอย่างค่อนข้างจมลึก ไม่ว่าจะเป็นหนี้ครัวเรือน ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ปัญหาต้นทุนการผลิต ดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้นล้วนกดทับเศรษฐกิจไทย และต้องหาโครงการใหม่ใหม่มากระตุ้นเศรษฐกิจกระตุ้นอัดฉีดเม็ดเงิน การจ้างงาน ส่วนเรื่องที่สองคือ การดูโครงสร้างเศรษฐกิจ การหาตลาดใหม่ๆ ด้านการส่งออก เพราะตอนนี้ตลาดหลักทั่วโลกทั้งอเมริกา ยุโรป จีนไม่ดี ดังนั้นจึงต้องรีบเร่งแสวงหาตลาดใหม่ เจรจา FTA ที่ยังคั่งค้างกับประเทศต่างๆ ให้เร็วที่สุด รวมทั้งขับเคลื่อนเครื่องยนต์เศรษฐกิจตัวสำคัญ อย่างการท่องเที่ยวเพื่อให้ได้นักท่องเที่ยวตามเป้าหมายคือ 30 ล้านคน กระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น