กกร.เล็งเสนอรัฐออกซอฟท์โลนช่วยผู้ประกอบการโรงแรม พร้อมช่วยค่าจ้าง 50%

782
0
Share:

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สมาคมโรงแรมไทยได้นำเสนอมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรมท่องเที่ยวในที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประจำเดือน ธ.ค.2563 โดยขอให้ภาครัฐพิจารณาข้อเสนอ 2 มาตรการ
.
1. มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) สำหรับกรณีหนี้คงเหลือเดิมปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นคงที่ 2% พร้อมทั้งพักการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี รวมทั้งขอวงเงินสนับสนุนเพิ่มสภาพคล่องให้แก่ธุรกิจไทย อนุมัติปล่อยสินเชื่อได้ไม่เกินรายละ 60 ล้านบาท/โรงแรม ในอัตราดอกเบี้ย 2% ปลอดการชำระเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 2 ปี เมื่อครบกำหนดแล้วให้แปลงเป็นสินเชื่อระยะยาวดอกเบี้ยต่ำผ่อนชำระกับธนาคารพาณิชย์ หากลูกค้ามีหลักประกันไม่พอ ขอให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อย (บสย.) หรือรัฐบาลเป็นผู้จัดตั้งกองทุนค้ำประกัน และไม่จำกัดสิทธิสำหรับโรงแรมขนาดใหญ่ที่มีวงเงินรวมเกิน 500 ล้านบาท
.
2. มาตรการสนับสนุนเงินเดือนค่าจ้าง 50% Co-payment เพื่อรักษาการจ้างงาน สนับสนุนให้นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจ้างพนักงานเดิมจำนวน 200,000 คน (จำนวนไม่เกิน 30% ของจำนวนพนักงานปัจจุบัน) ระยะเวลาดำเนินโครงการ 1 ปี
.
กกร.ยังหารือถึงการใช้แอพพลิเคชันด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจร อาทิ จองโรงแรม ที่พักภายในประเทศ จองตั๋วเครื่องบิน และร้านอาหาร ซึ่งขณะนี้มีแอพพลิเคชัน TAGTHAi (ทักทาย) โดยเป็นแอพพลิเคชัน ที่หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ได้พัฒนาร่วมกับพันธมิตรหลายภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ประชุม กกร. จึงเห็นควรสนับสนุนและร่วมมือกัน โปรโมท ต่อยอดให้มีการใช้แอพพลิเคชัน TAGTHAi อย่างแพร่หลาย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ รวมทั้ง เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพและพัฒนาการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน
.
ส่วนเศรษฐกิจไทยในปี 2563 หดตัวน้อยลงกว่าที่ เคยคาดไว้เดิม โดยจะหดตัวอยู่ในกรอบ -7.0% ถึง -6.0% ขณะที่การส่งออกหดตัวในกรอบ -8.0% ถึง -7.0% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไป คาดว่าจะหดตัว -1.0% ถึง -0.9%
.
ส่วนปี 2564 แม้เศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงสนับสนุนจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเผชิญในระยะข้างหน้า ที่ ประชุม กกร.จึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ในกรอบ 2-4 % ขณะที่การส่งออกจะขยายตัวในกรอบ 3-5% ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะอยู่ในกรอบ 0.8 -1.2%