กนง.คาดเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่อเนื่องถึงปี 64

802
0
Share:

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. เปิดเผยรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.ว่า ทางคณะกรรมการประเมินว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2562 จะขยายตัวได้ 2.5% และในปี 2563 ขยายตัวได้ 2.8%
.
พร้อมประเมินว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ต่อเนื่องในปี 2564 ตามโครงการร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือ PPP และโครงการลงทุนของภาครัฐบางโครงการที่เลื่อนไปดำเนินการในปี 2564
.
สำหรับความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทย ยังต้องจับตา ปริมาณการค้าโลกและเศรษฐกิจคู่ค้าที่อาจชะลอลงกว่าที่คาด จากการกีดกันทางการค้าที่อาจกลับมารุนแรง อุปสงค์ในประเทศที่อาจขยายตัวชะลอลงกว่าคาดจากพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 และการดำเนินนโยบายภาครัฐที่ล่าช้า
.
ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนที่อาจชะลอลงกว่าคาด ตามรายได้ครัวเรือนที่อาจชะลอลง จากผลกระทบของภาคการส่งออกต่อการจ้างงานและภัยธรรมชาติที่อาจรุนแรงขึ้น และความเสี่ยงด้านเสถียรภาพระบบการเงินโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะปานกลาง
.
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปทั้งปี 2562 และ 2563 มีแนวโน้มต่ำกว่าประมาณการเดิมและต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ จากราคาพลังงานที่ต่ำกว่าคาดตามเศรษฐกิจโลกที่ยังขยายตัวในระดับต่ำและอุปทานพลังงานที่จะเพิ่มขึ้น รวมถึงการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในปี 2563 น้อยกว่าที่เคยประเมินไว้
.
ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน มีแนวโน้มทยอยปรับสูงขึ้นตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นในปี 2563 และส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มเข้าสู่กรอบเป้าหมายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564
.
สำหรับภาวะตลาดการเงิน บรรยากาศการลงทุนในตลาดการเงินโลกปรับดีขึ้นในระยะสั้นจากแนวโน้มการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระยะแรกระหว่างสหรัฐ และจีน สถานการณ์ Brexit มีความชัดเจนขึ้น รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศเศรษฐกิจอุตสาหกรรมหลักเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ในตลาดการเงินโลกเคลื่อนไหวผันผวนลดลง
.
นอกจากนี้ ธนาคารกลางของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลักมีแนวโน้มดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง จึงเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติมให้นักลงทุนกลับมาลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ราคาสินทรัพย์เสี่ยงส่วนใหญ่เพิ่มขึ้น
.
ส่วนตลาดการเงินในประเทศการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งก่อน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะสั้นของไทยปรับลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาวของไทยสูงขึ้น ตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลของสหรัฐ แต่การปรับขึ้นค่อนข้างจำกัด
.
แต่คณะกรรมการยังกังวลต่อสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง จึงให้ติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิดท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านต่างประเทศที่ยังมีอยู่สูง รวมถึงให้ติดตามประสิทธิผลของการผ่อนคลายเกณฑ์กำกับดูแลการแลกเปลี่ยนเงินเพื่อเอื้อให้เงินทุนไหลออกและพิจารณาความจำเป็นในการดำเนินมาตรการเพิ่มเติมด้วย