กนง.ชี้ดอกเบี้ย 2.50% ในปัจจุบันเหมาะสมกับทิศทางเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อไทยแล้ว

135
0
Share:
กนง.ชี้ ดอกเบี้ย 2.50% ในปัจจุบันเหมาะสมกับทิศทาง เศรษฐกิจ -เงินเฟ้อไทยแล้ว

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 29 พ.ย. 66 ซึ่งคณะกรรมการฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี โดยในการประชุมครั้งนี้ มีกรรมการ 1 รายลาประชุม

โดยคณะกรรมการฯ เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับปัจจุบันเหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว โดยเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอยู่ในทิศทางฟื้นตัวต่อเนื่อง และมีแนวโน้มขยายตัวอย่างสมดุลขึ้นในปี 2567 และ 2568 แต่มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจไทยอาจไม่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกเท่าที่คาดจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่เปลี่ยนแปลงไป

ด้านอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมาย โดยประมาณการสำหรับปี 2566 ทั้งอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.3% โดยอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำในช่วงที่เหลือของปี ส่วนปี 2567 และ 2568 จะปรับสูงขึ้น โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 2.0% และ 1.9% ตามลำดับ และหากรวมผลของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในปี 2567 จะอยู่ที่ 2.2% และ 1.5% ตามลำดับ แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงด้านสูง

ส่วนภาวะการเงินโดยรวมตึงตัวขึ้น แต่ในภาพรวมไม่เป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ระบบการเงินไทยโดยรวมมีเสถียรภาพ แต่ต้องติดตามพัฒนาการของคุณภาพสินเชื่อที่อาจได้รับแรงกดดันจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนที่ยังเปราะบางจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและรายได้ที่ฟื้นตัวช้า คณะกรรมการฯ สนับสนุนการใช้มาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง

สำหรับการดำเนินนโยบายการเงินในระยะข้างหน้าจะพิจารณาให้เหมาะสมกับแนวโน้มและความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในภาพรวมยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว ทั้งในกรณีที่รวมและไม่รวมแรงส่งเพิ่มเติมจากโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล โดยเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวในปีหน้าด้วยแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สมดุลมากขึ้น จากการส่งออกสินค้าและภาคการผลิตที่จะกลับมาขยายตัว ในขณะที่ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง

กนง. ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวที่ 2.4% ในปี 2566 โดยมีแรงส่งสำคัญจากภาคการท่องเที่ยว ซึ่งช่วยสนับสนุนการบริโภคภาคเอกชนให้ขยายตัวดีโดยเฉพาะในหมวดบริการ ขณะที่ภาคการส่งออกสินค้าและภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องฟื้นตัวช้า การฟื้นตัวจึงยังไม่ครอบคลุมในทุกภาคเศรษฐกิจ สำหรับปี 2567 และ 2568 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวสมดุลมากขึ้น โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ต่อเนื่องที่ 3.2% และ 3.1% ตามลำดับ ในกรณีที่ไม่รวมผลของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล

ทั้งนี้ หากรวมผลของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล อัตราการขยายตัวในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.8% เทียบกับ 4.4% ที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน

อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนในระยะข้างหน้ามีอยู่สูง โดยเฉพาะความเสี่ยงที่การส่งออกสินค้าไทยอาจไม่ได้รับผลดีเท่าที่ควรจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและการกลับมาของวัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์จากปัญหาเชิงโครงสร้างในหลายมิติ