กนง.เผยเศรษฐกิจไทยเริ่มทยอยฟื้นตัว แต่ยังต้องเจอปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน

573
0
Share:

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ได้เผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. รอบ 23 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา ว่า เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวตามการผ่อนคลายมาตรการคุมโควิด-19 ในไทยและกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลก โดยในปีนี้คาดว่าจีดีพีของไทยจะติดลบ 7.8% และขยายตัวได้ 3.6% ในปีหน้า
.
แต่เศรษฐกิจไทยยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายด้าน เช่น เศรษฐกิจโลกที่อาจฟื้นตัวช้ากว่าคาด ความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ลดลง รวมทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้เดิมหากภาครัฐไม่สามารถดำเนินมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติได้
.
สำหรับความท้าทายที่เศรษฐกิจไทยต้องเผชิญในระยะข้างหน้า โดยเฉพาะการฟื้นตัวที่มีแนวโน้มแตกต่างกันมากระหว่างภาคเศรษฐกิจ ภูมิภาค และผู้ประกอบการแต่ละกลุ่ม และเห็นว่าแนวโน้มการฟื้นตัวที่แตกต่างกันจะมีนัยต่อมาตรการภาครัฐที่จำเป็นต้องแก้ปัญหาให้ตรงจุดและทันการณ์มากขึ้น เช่น การเร่งสนับสนุนการจ้างงานและการพัฒนาทักษะแรงงานเพื่อรองรับแรงงานที่อาจถูกกระทบจากอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้าและมีกำลังการผลิตส่วนเกินสูง การสร้างงานในต่างจังหวัดเพื่อรองรับแรงงานคืนถิ่น
.
รวมถึงนโยบายด้านอุปทานโดยเฉพาะการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อสนับสนุนให้อุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วสามารถปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับบริบทใหม่หลังการระบาดของ โควิด-19 คลี่คลายลง
.
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มทยอยปรับสูงขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยอยู่ใกล้เคียงกับขอบล่างของกรอบเป้าหมายในปี 2564 ทั้งนี้ การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย
.
ส่วนระบบการเงินไทยมีเสถียรภาพ แม้ว่าจะเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 แต่ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง สามารถรองรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจจาก โควิด-19 ได้
.
แต่ในระยะข้างหน้าต้องเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากสถานการณ์ โควิด-19 ที่ยังไม่แน่นอน และความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากความสามารถในการชำระหนี้ของธุรกิจและครัวเรือนที่ลดลง คณะกรรมการฯ เห็นว่าควรผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้รายย่อยและธุรกิจให้เกิดผลในวงกว้าง และเร่งรัดการให้สินเชื่อผ่านโครงการต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาสภาพคล่องให้ตรงจุดและทันการณ์ สอดคล้องกับการปรับโครงสร้างธุรกิจ
.
โดยมาตรการด้านการเงินและสินเชื่อในระยะข้างหน้าควรให้ความสำคัญกับ การดูแลให้สภาพคล่องในระบบการเงินกระจายไปสู่ภาคธุรกิจและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบให้เกิดผลในวงกว้างมากขึ้น ผ่านการเร่งรัดสินเชื่อในโครงการต่าง ๆ
.
ขณะที่นโยบายการคลังจำเป็นต้องมีบทบาทมากขึ้นในระยะข้างหน้าเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เนื่องจากการฟื้นตัวจะใช้เวลาและมีความแตกต่างกันในแต่ละภาคเศรษฐกิจ ภูมิภาค และผู้ประกอบการแต่ละกลุ่ม มาตรการภาครัฐในระยะข้างหน้าจำเป็นต้องต่อเนื่อง ตรงจุด และทันการณ์
.
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ มองว่าภาวะตลาดแรงงานที่ยังคงมีความเปราะบางทั้งมิติด้านการจ้างงานและด้านรายได้ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า
.