น.ส.ภิญญาพัชญ์ ศันสนียชีวิน ส.ว.ในฐานะรองโฆษกกรรมการติดตามงบประมาณ วุฒิสภา แถลงว่า กรณีการอายัดบัญชีธนาคารทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน และมีการแห่ถอนเงินกันจำนวนมาก ล่าสุด ปลัดกระทรวงดิจิตอลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงแล้วว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การอายัดบัญชีเต็มรูปแบบ แต่เป็นเพียงการระงับวงเงินชั่วคราวบางส่วน ที่ต้องสงสัย ซึ่งธนาคารระงับได้ 3 วัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถระงับได้ไม่เกิน 7 วันหากตรวจสอบแล้วไม่มีความผิด เงินที่ถูกระงับก็ถูกโอนกลับเข้าไปในเจ้าของบัญชี
ทั้งนี้ กมธ.ฯได้รับเสียงสะท้อนจากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ รวมทั้งร้านค้าที่มีหน้าร้านก็ต้องขึ้นป้ายรับเฉพาะเงินสด และประชาชนจำนวนมากเกิดความหวาดกลัว แห่ไปถอนเงินสดจนมีข่าวว่าเงินไม่พอถอน ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายและความสั่นคลอนต่อความเชื่อมั่นระบบการเงินแห่งชาติ
ขณะที่การเปิดสายด่วนก็ไม่มีคนรับสาย แสดงให้เห็นว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่มีความพร้อมในการรับมือเหตุการณ์ครั้งนี้ ทั้งที่ประชาชนต้องใช้เงินทุกวัน และ สำหรับ 3-7 วันเป็นการรอคอยที่นานเกินไปถึงจะยืนยันว่า ไม่ใช่บัญชีม้า คำถามคือประชาชนต้องทนรับภาระเรื่องนี้หรือเป็นการละเมิดสิทธิพื้นฐาน จึงขอเสนอแนวทางเร่งด่วนดังนี้ 1.เร่งปลดระงับบัญชีผู้บริสุทธิ์ภายใน 1-2 วัน 2. กำหนดมาตรฐานเยียวยาสำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบ และ 3.สร้างระบบที่โปร่งใส รวมทั้งบูรณาการร่วมกันระหว่างธนาคาร ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะหากเราปล่อยให้ประชาชนรอเงินบริสุทธิ์ของตัวเองนาน 3-7 วันความเชื่อมั่นจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยตรง
ด้านนายอลงกต วรกี ส.ว. ในฐานะประธานกมธ.ติดตามงบประมาณ วุฒิสภากล่าวเพิ่มเติมว่า ตำรวจไซเบอร์ใช้อำนาจในการอายัดบัญชี้ ถือว่าขัดต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ การอายัดบัญชีแม้จะเป็นอำนาจของตำรวจไซเบอร์ แต่การอายัดนั้นปฏิบัติตามวิธีปกครองหรือไม่ เพราะก่อนจะมีการอายัดเจ้าหน้าที่ตำรวจพนักงานสอบสวน หรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะต้องเรียกเจ้าของบัญชีมาชี้แจงก่อน ถ้าชี้แจงไม่ได้ จึงค่อยอายัดบัญชี และการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่จะเข้าข่ายการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หากผู้ที่ได้รับผลกระทบได้รับความเสียหาย สามารถแจ้งความเจ้าหน้าตามมาตรา 157 ได้ แต่ถ้าต้องการเรียกค่าเสียหายจะต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสีย
ในการประชุมกมธ.ฯสัปดาห์นี้ จะมีการหารือเรื่องการเชิญสำนักงานตำรวจแห่งชติ(สตช.) , ตำรวจไซเบอร์, ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อื่นๆ เข้าชี้แจงต่อกมธ.ฯถึงปัญหาที่เกิดขึ้นในสัปดาห์หน้า