กรมข้าวประกาศรับรอง 10 สายพันธุ์ข้าว ส่งเสริมชาวนาปลูกขาย ต.ค.นี้ ปีนี้งดจ่ายชาวนาไร่ละ 1,000 บาท

129
0
Share:
กรมการข้าว ประกาศรับรอง 10 สาย พันธุ์ข้าว ส่งเสริมชาวนาปลูกขาย ช่วง ต.ค.นี้ ปีนี้งดจ่ายชาวนาไร่ละ 1,000 บาท

นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่าเนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระชนมพรรษา 72 พรรษา กรมการข้าวน้อมสํานึกในพระมหากรุณาธิคุณ เพื่อสร้างขวัญและกําลังใจแก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าว กรมการข้าวเตรียมการจะรับรองพันธุ์ข้าว ในปี 2567 ช่วงเดือน เมษายน จำนวน 10 พันธุ์ ซึ่งจะสามารถผลิตพันธุ์ขยายส่งเสริมและจำหน่ายให้เกษตรกรใช้ปลูกได้ตั้งแต่เดือน ต.ค. นี้เป็นต้นไป

สำหรับข้าวทั้ง 10 สายพันธุ์ เป็นข้าวขาวพื้นแข็ง ข้าวหอมไทย ข้าวเหนียว ข้าวญี่ปุ่น และข้าวสาลี ที่ให้ผลผลิตอย่างน้อย 900-1,000 กิโลกรัม (กก.) ต่อไร่ ตอบความต้องการของเกษตรกร ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ อีกทั้งพันธุ์ข้าวเหล่านี้ ยังมีความสคัญำต่อชาวนา รวมถึงประชาชนที่อยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย เกษตรกรผู้ปลูกข้าวจะมีข้าวพันธุ์ใหม่ คุณภาพดี ในแต่ละชนิดและประเภทข้าว ซึ่งเป็นทางเลือกให้เกษตรกร ในการเลือกใช้พันธุ์ข้าวสำหรับปลูกแต่ละนิเวศของการปลูกข้าวในประเทศไทย

การรับรองพันธุ์ข้าวของไทย หลังจากนี้จะใช้ระยะเวลา เพียง 3 เดือนเท่านั้น จากเดิมที่ใช้เวลา 1-2 ปี ซึ่งไม่ทันต่อความต้องการของเกษตรกรและตลาด โดยกลไกที่จะส่งผลให้รับรองพันธุ์ข้าวได้เร็วขึ้นนั้น กรมการข้าวอยู่ระหว่างการพิจารณาและเสนอของบประมาณเพื่อสร้างห้องเย็นใช้สำหรับจัดเก็บเมล็ดพันธุ์หลัก 3-4 แห่ง กระจายตามภูมิภาคต่างๆ ซึ่งจะสามารถหยิบใช้เป็นพันธุ์ขยายได้ทันทีเมื่อต้องการใช้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากจำนวนบุคลากรและพื้นที่ปลูกของกรมการข้าวยังไม่เพียงพอต่อการผลิตเมล็ดพันธุ์จำหน่าย โดยมีกำลังการผลิตขณะนี้เพียง 1.25 แสนตัน จำความต้องการทั้งสิ้น 1 ล้านตัน ดังนั้นกรมการข้าวจะทำหน้าที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ขยายเท่านั้น และจะเชื่อมกับภาคเอกชนเพื่อให้ผลิตเมล็ดพันธุ์จำหน่าย

นอกจากนี้กรมการข้าวยังใช้วิธีการปักดำ การหยอด แทนการหว่าน ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน ใช้เมล็ดพันธุ์น้อยลง ได้ข้าวที่มีคุณภาพมากขึ้น รวมทั้งจะเชื่อมกับกรมส่งเสริมการเกษตร กรมวิชาการเกษตร เพื่อดำเนินโครงการนาสะอาด ซึ่งหมายถึงการใช้พันธุ์เดียวในการเพาะปลูก จะช่วยป้องกันปัญหาข้าวด้อยคุณภาพ ไม่มีพันธุ์ข้าวอื่นปน ซึ่งส่วนหนึ่งที่ทำให้พ่อค้าคนกลางกดราคา

สำหรับ 10 เมล็ดพันธุ์ที่กรมการข้าวประกาศรับรอง เนื่องในโอกาสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระชนมพรรษา 72 พรรษา ประกอบด้วย

1. กข99 หรือ หอมคลองหลวง 72 เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่มไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 115 วัน ให้ผลผลิต 957 กิโลกรัมต่อไร่ แนะนําใช้ปลูก ในพื้นที่นาชลประทานภาคกลาง ภาคเหนือตอนล่าง และภาคเหนือตอนบนที่เป็นพื้นที่ส่งเสริมให้ปลูกข้าวหอมไทย

2. กข103 หรือ หอมชัยนาท 72 เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่มไวต่อช่วงแสง อายุเบา ออกดอกประมาณวันที่ 15 ตุลาคม อมิโลสต่ำ (17.3 เปอร์เซ็นต์) ผลผลิตเฉลี่ย 596 กิโลกรัมต่อไร่ ให้ผลผลิต 875 กิโลกรัมต่อไร่ แนะนำปลูก ในพื้นที่นาน้ำฝนภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ต้านทานต่อโรคไหม้ และโรคขอบใบแห้งในเขตภาคกลาง

3. กข105 หรือเจ้าพระยา 72 เป็น ข้าวเจ้าไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 100-110 วัน (หว่านน้ำตม) และ 110-116 วัน (ปักดำ) ให้ผลผลิต 1,176 กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานโรคขอบใบแห้ง และเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ท้องไข่น้อย แนะนําปลูกพื้นที่นาชลประทานภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลาง ข้อควรระวัง ค่อนข้างอ่อนแอต่อโรคไหม้

4. กข107 หรือ พิษณุโลก 72 เป็นข้าวเจ้าพื้นแข็งหอม ไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 107 วัน (ฤดูนาปี) และ 108 วัน (ฤดูนาปรัง) เมื่อปลูกโดยวิธีปักดำ ต้านทานเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ทนน้ำท่วมฉับพลันปานกลาง ให้ผลผลิต 1,070 กิโลกรัมต่อไร่

5. กข109 หรือหอมพัทลุง 72 เป็นข้าวเจ้าหอมพื้นนุ่มไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว (102 วัน วิธีหว่านน้ำตม และ 112 วัน วิธีปักดำ) ให้ผลผลิตสูงสุด 1,086 กิโลกรัมต่อร่ แนะนําปลูกพื้นที่นาชลประทานภาคใต้

6. กข24 หรือสกลนคร เป็นข้าวเหนียวไวต่อช่วงแสง ปลูกได้เฉพาะฤดูนาปี ออกดอก 50 เปอร์เซ็นต์ ประมาณวันที่ 21 ตุลาคม เก็บเกี่ยวประมาณ วันที่ 23 พฤศจิกายน ผลผลิตเฉลี่ย 663 กิโลกรัมต่อไร่ ศักยภาพการให้ผลผลิตสูงสุด 1,002 กิโลกรัมต่อไร่ มีลำต้นเตี้ย ต้านทานการหักล้มดีกว่าพันธุ์ กข6 และ กข18 ต้านทานโรคไหม้ในระยะกล้าในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แนะนําให้ปลูกในพื้นที่นาน้ำฝนภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีการระบาดของโรคไหม้

7. กข26 หรือ เชียงราย 72 เป็นข้าวเหนียวไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 130 วัน ให้ผลผลิต 1,152 กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานต่อโรคไหม้ระยะกล้าในภาคเหนือตอนบน แนะนําปลูกพื้นที่นาชลประทานภาคเหนือตอนบน

8. กขจ1 หรือวังทอง 72 เป็นข้าวญี่ปุ่น หรือจาปอนิกาไม่ไวต่อช่วงแสง อายุเก็บเกี่ยว 98-113 วัน (นาปี และ 105-123 วัน (นาปรัง เมื่อปลูกโดยวิธีปักดำให้ผลผลิต 953 กิโลกรัมต่อไร่ ต้านทานต่อโรคไหม้

9 .กขส1 หรือสะเมิง 72 เป็นข้าวสาลี อายุเก็บเกี่ยวประมาณ 89 วัน เมื่อปลูกโดยวิธีโรยเป็นแถว ผลผลิตเฉลี่ย 441 กิโลกรัมต่อไร่ให้ผลผลิตสูงถึง 569 กิโลกรัมต่อไร่ คุณภาพของโปรตีนเหมาะสมสำหรับทำแป้งขนมปัง มีค่าความหนืดสูงสุด แนะนําปลูก ภาคเหนือตอนบน

10. หอมหัวบอน 35 หรือกระบี่ 72 เป็นข้าวไร่ไวต่อช่วงแสง อายุวันออกดอก ระหว่าง 21 กันยายน-17 ตุลาคม เยื่อหุ้มเมล็ดสีแดง ข้าวหุงสุกมีกลิ่นหอมเหมือนเผือก มีคุณภาพการหุงต้มและรับประทานดี มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย คือ Gamma Oryzanol และ Total antioxidant ค่อนข้างสูง ต้านทานโรคไหม้ในระยะกล้า แนะนําปลูกในสภาพไร่แซมยางพาราและปาล์มน้ำมัน ที่ปลูกใหม่ อายุ 1-3 ปี ในภาคใต้ ข้อควรระวัง อ่อนแอต่อโรคขอบใบแห้งและเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล