กรรมเอสเอ็มอี! เศรษฐกิจไทยแย่หนักทำธุรกิจเอสเอ็มอีเกินครึ่งจ่ายหนี้คืนไม่ไหว

นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. กล่าวว่า ในขณะนี้ข้อมูลสถิติทำให้เห็นว่าสถานการณ์หนี้สินของธุรกิจรายย่อยในไทย มีปัญหาด้านการจ่ายคืนหนี้สิน ภาระหนี้สินส่วนใหญ่ 50,000-100,000 บาท ด้วยระยะเวลากู้ยืมไม่เกิน 3 ปี เมื่อนำไปเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านี้ จะพบว่าภาระหนี้สินของธุรกิจรายย่อย ดังกล่าวมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากกว่าธุรกิจขนาดอื่น

ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง 6-8% ธุรกิจรายย่อย หรือ MICRO ต้องเสียดอกเบี้ยสูงถึง 9% ซึ่งสูงกว่าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ที่เสียเพียง 7% ส่งผลให้เอสเอ็มอีเผชิญกับปัญหาด้านการเงินและภาระหนี้สินจากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นและสูงกว่าไตรมาสก่อน

นอกจากนี้ มี 48.3% ชำระหนี้ได้ตามสัญญา แต่กลับมีมากถึง 51.7% มีปัญหาชำระหนี้ ทั้งผิดเงื่อนไขและไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญา ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ในปี 2565 สาเหตุจากภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ทำให้ช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ธุรกิจต้องขอรับความช่วยเหลือจากสถาบันการเงิน หรือแหล่งเงินทุน โดย 7.4% ขอปรับโครงสร้างหนี้

นอกจากนี้ ในแง่การสำรวจหนี้สินของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ ซึ่งสำรวจระหว่างวันที่ 17-25 มีนาคม 2566 พบมีจำนวน 2,670 ราย ใน 6 ภูมิภาคทั่วประเทศ พบว่า เอสเอ็มอี 63.7% มีภาระหนี้สินในกิจการ ที 10.3% ชำระหนี้แล้วในไตรมาสที่ 1 และอีก 53.4% ยังคงมีหนี้สินอยู่ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ 4 ในปี 2565 ที่เคยอยู่ที่ 44.7%

สำหรับแหล่งกู้ยืมเงินของธุรกิจ 86.1% มาจากสถาบันการเงิน มี 13.9% มาจากแหล่งเงินทุนนอกระบบสถาบันการเงิน โดยเฉพาะเพื่อนหรือญาติ ส่วนใหญ่อยู่ในธุรกิจเกษตรและการค้า โดยเฉพาะร้านค้าปลีกสมัยใหม่ รองลงมา คือ ค้าส่งสินค้าอุปโภคและบริโภค และบริการซ่อมบำรุง

ผลสำรวจ พบอีกว่าเป้าหมายในการกู้ยืมเงิน คือนำมาหมุนเวียนในกิจการมากที่สุด รองลงมาคือลงทุนในกิจการและชำระหนี้เดิม ต่างจากไตรมาสก่อนหน้าที่กู้ยืมเพื่อลงทุนกิจการ เน้นซ่อมแซมหรือตกแต่งสถานประกอบการ