กรุงไทย เผยเงินบาทเปิดที่ 36.72 บาทต่อดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลง

267
0
Share:
กรุงไทย เผย เงินบาท เปิดที่ 36.72 บาทต่อดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลง

ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ตลาดการเงินสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในภาวะระมัดระวังและไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากขึ้น หลังจากที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญล่าสุด อย่าง ดัชนี PMI ภาคการบริการ โดย ISM ในเดือนสิงหาคม ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.9 จุด ดีขึ้นจากเดือนก่อนหน้า และดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 55.1 จุด ทำให้ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า เฟดมีโอกาสราว 72% ที่เฟดจะเร่งขึ้นดอกเบี้ย +0.75% ในการประชุมเดือนกันยายน นอกจากนี้ มุมมองดังกล่าวของผู้เล่นในตลาดยังได้หนุนให้บอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 3.34% (แรงหนุนบอนด์ยีลด์ระยะยาวอีกส่วนก็มาจากแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB) ซึ่งกดดันให้ผู้เล่นในตลาดต่างทยอยขายหุ้นกลุ่มเทคฯ และหุ้นสไตล์ Growth (Meta -1.1%, Amazon -1.1%, Microsoft -1.1%) ทำให้ดัชนีหุ้นเทคฯ Nasdaq ปรับตัวลดลงต่อ -0.74% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดตลาด -0.41%

ฝั่งยุโรปยังมีความกังวลวิกฤตพลังงานในยุโรป ส่งผลให้ตลาดหุ้นฝั่งยุโรปเคลื่อนไหวผันผวน โดยความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงหนักจากการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของบรรดาธนาคารกลางยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันดิบและส่งผลให้หุ้นกลุ่มพลังงานยุโรปต่างปรับตัวลดลง (Equinor -6.7%, TotalEnergies -2.8%) จำกัดให้ดัชนี STOXX600 ของยุโรป รีบาวด์ขึ้นได้เพียง +0.24%

ทั้งนี้เงินดอลลาร์พลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY Index) ได้ปรับตัวขึ้นแตะระดับ 110.3 จุด หนุนโดยมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่เชื่อว่าเฟดอาจเร่งขึ้นดอกเบี้ย หลังข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยยังเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนเงินดอลลาร์อยู่ ท่ามกลางความเสี่ยงวิกฤตพลังงานและปัญหาการเมืองที่อาจเกิดขึ้นในฝั่งยุโรป อย่างไรก็ดี การพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และการปรับตัวขึ้นของบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำปรับตัวลงแรงอีกครั้ง สู่ระดับ 1,714 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งคาดว่าผู้เล่นบางส่วนอาจยังคงรอทยอยซื้อทองคำในจังหวะย่อตัวและโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้บ้าง

สำหรับวันนี้ ตลาดจะรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด โดยเฉพาะมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ รวมถึงทิศทางเงินเฟ้อ เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟดว่าจะยังคงเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงต่อหรือไม่ ซึ่ง กรุงไทยประเมินว่า บรรดาเจ้าหน้าที่เฟดจะยังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญในการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมปัญหาเงินเฟ้อ แต่อาจไม่ได้ฟันธงชัดเจนว่าเฟดจะต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยรุนแรงและเน้นย้ำว่าความรุนแรงของการขึ้นดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับภาพเศรษฐกิจ (Data Dependent) หากบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดให้มุมมองดังกล่าว ก็อาจไม่ได้ช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นไปมากนัก เพราะส่วนหนึ่งตลาดก็รับรู้แนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนกันยายนไปมากแล้ว อีกทั้งผู้เล่นในตลาดอาจรอผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสฯ นี้ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนสถานะถือครองที่ชัดเจน

ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาท ในระยะสั้นนี้ คาดว่ายังคงเคลื่อนไหวผันผวนสูงและมีโอกาสอ่อนค่าใกล้โซนแนวต้านแถว 36.80-36.90 บาทต่อดอลลาร์ได้ ท่ามกลางแนวโน้มขาขึ้นของเงินดอลลาร์ที่ยังได้แรงหนุนจากความกังวลวิกฤตพลังงานในฝั่งยุโรป ปัญหา COVID-19 ในจีน และแนวโน้มการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของเฟด อย่างไรก็ดี เราประเมินว่า ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่รีบปรับสถานะถือครองที่ชัดเจน จนกว่าจะรับรู้ผลการประชุม ECB ในวันพฤหัสฯ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.65-36.85 บาท/ดอลลาร์