กลุ่มจีนเทาขึ้นฮับคอลล์เซ็นเตอร์ลวงโลก เกาะชายแดนเมียนมา-ไทย พบกว่าหลายสิบแห่ง

สำนักข่าวมิสซิมา หรือ Mizzima ซึ่งเป็นสำนักข่าวชื่อดังของประเทศเมียนมา เปิดเผยรายงานพิเศษมีชื่อว่า Torture and terror at Chinese-run cyber scam hubs in Myanmar หรือ “ความทรมานและก่อการร้ายที่ศูนย์กลางไซเบอร์หลอกลวงของจีน” โดยระบุว่า พื้นที่เมืองตามแนวชายแดนของประเทศเมียนมาซึ่งติดกับชายแดนประเทศไทยตรงบริเวณแม่น้ำเมยกลายเป็นแหล่งซ่องสุมขององค์กรอาชญากรรม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์และหลอกลวงออนไลน์ (Cyber Frauds and Scams)” ที่ผู้มีอิทธิพลชาวจีนสนับสนุน ซึ่งจับมือกับกองกำลังติดอาวุธในท้องถิ่น ที่สำคัญ พื้นที่ดังกล่าวอยู่นอกเหนือการควบคุมจากหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐ

อุตสาหกรรมการฉ้อโกงนี้เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้นเมื่อปี 2565 หลังจากมีรายงานเกี่ยวกับการค้ามนุษย์อย่างกว้างขวาง การบังคับใช้แรงงาน และการทรมานที่สม่ำเสมอปรากฏขึ้น แรงงานหลายหมื่นคนทั่วโลกถูกนำพาเข้าสู่อุตสาหกรรมนี้ตั้งแต่ปี 2562 และเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังการรัฐประหารของกองทัพเมียนมาในปี 2564

รายงานนี้ระบุว่า เดือนธันวาคมปี 2022 ถึงเดือนมกราคมปี 2023 แม็กซ์ (Max) และ เจน (Jane) เป็นชาวฟิลิปปินส์เห็นโฆษณา “งานดีรายได้สูง” ซึ่งอ้างว่าเป็นการทำงานในประเทศไทย จึงเดินทางมาที่เมืองไทย ก่อนจะเดินทางต่อเข้ามายังเมียนมา กรณีของเจน หลังจากสอบถามไปตามที่อยู่ที่ให้ไว้ในประกาศรับสมัครงาน ไม่นานก็ได้รับอีเมลตอบกลับที่ดูเหมือนจะเป็นทางการของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลกแห่งหนึ่ง และนายหน้าของเธอก็จัดการเรื่องการจองเที่ยวบินไปกรุงเทพฯ

แต่เมื่อไปถึงประเทศไทย เจนถูกพาตัวจากกรุงเทพฯ เดินทางอีกกว่า 500 กิโลเมตร ไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วข้ามชายแดนบริเวณแม่น้ำเมยเข้ามาในฝั่งเมียนมา ที่นั่นเป็นฐานปฏิบัติการขององค์กรอาชญากรรมที่บงการโดยชาวจีน เจนถูกบังคับให้ร่วมแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเหยื่อที่เป็นชาวยุโรปและอเมริกาเหนือ ขณะที่แม็กซ์เองก็ประสบชะตากรรมที่เป็นเหมือนฝันร้ายไม่ต่างกัน

มีรายงานว่าผู้ที่ถูกพาไปยังสถานที่เหล่านั้นจะถูกยึดโทรศัพท์ และสำหรับผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวออกไปนั้นโทรศัพท์ที่นำติดตัวไปด้วยจะถูกล้างข้อมูลทั้งหมดที่มีในเครื่อง ยังมีคลิปวีดีโอที่อ้างว่าเหยื่อถูกทารุณกรรมด้วยการทุบตีและช็อตไฟฟ้า ถูกใส่กุญแจมือ ปิดตา และถูกบังคับให้นอนในสภาพคับแคบ การลงโทษจะเกิดขึ้นหากไม่สามารถทำยอดได้ตามเป้าหรือพยายามขอกลับบ้าน มีบางคนถึงขั้นเสียชีวิต และยังมีรายงานที่ไม่สามารถยืนยันได้เกี่ยวกับการค้าอวัยวะจากเหยื่อที่เสียชีวิตด้วย

บริษัทที่เจนและแม็กซ์ทำงาน ให้นั้นเป็นหนึ่งในจำนวนมากกว่า 12 แห่งตามแนวแม่น้ำเมยที่มีความยาว 40 กิโลเมตรในเมืองเมียวดี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการหลอกลวงที่นำโดยชาวจีน ยกตัวอย่างเช่น สถานที่แห่งหนึ่งมีชื่อว่า “Family Park” ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำเมยในเมียวดี มีรายงานว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นฐานปฏิบัติการหลอกลวงทางไซเบอร์ โดยใช้ชื่อบังหน้าว่า “บริษัทการพนันออนไลน์ของจีน” จากคำบอกเล่าของชายชาวอินโดนีเซีย 3 คนซึ่งติดอยู่ที่นั่นนาน 5 เดือน ระบุว่า บริเวณดังกล่าวมีคนที่ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 2,000 คน

สถานที่ต่อมามีชื่อว่า เคเค ปาร์ค โซน หรือ KK Park Zone เป็นลักษณะคอมเพล็กซ์ประกอบด้วย 2 ส่วน มีการเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่ปลายปี 2562 เจนและแม็กซ์ เปิดเผยว่าภายในอาคาร 4 ชั้นในโซนที่ 1 เรียกว่า KK I มีทีมงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประกอบด้วยคนทำงานอย่างน้อย 300 คน แบ่งเป็นทีมย่อยชุดละ 15 คน ทำงานกะละ 12-14 ชั่วโมง เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมาย 25,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 870,000 บาทต่อวัน ทีมงานจะมีส่วนร่วมในการหลอกลวงโดยมีศัพท์เรียกว่า “เชือดหมู (Pig Butchering)” เริ่มจากกลยุทธ์แสร้งให้รัก แล้วจึงหลอกล่อให้เหยื่อจ่ายเงินลงทุนแทน

รายงานนี้ ระบุต่อไปว่า ขณะนี้แรงกดดันจากนานาชาติกำลังเพิ่มสูงขึ้นเพื่อจัดการกับปฏิบัติการหลอกลวงเหล่านี้ โดยในเดือน มิ.ย. 2566 องค์การตำรวจสากล (Interpol) ออกคำเตือนทั่วโลกเกี่ยวกับการฉ้อฉลที่เกิดจากการค้ามนุษย์ ขณะที่รายงานการค้ามนุษย์ประจำปี 2566 ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของประเทศไทยในฐานะทางผ่านสำหรับการค้ามนุษย์ไปยังเมียนมาสำหรับการหลอกลวงทางอินเตอร์เน็ต