กลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ STARK ร่วมตั้งคณะทำงานและตัวแทนกลุ่ม เพื่อเร่งฟ้องเรียกค่าเสียหาย

249
0
Share:
กลุ่ม ผู้ถือหุ้นกู้ STARK ร่วมตั้งคณะทำงานและตัวแทนกลุ่ม เพื่อเร่งฟ้องเรียกค่าเสียหาย

กลุ่มผู้ถือหุ้นกู้บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ได้ประชุมร่วมกันเป็นครั้งแรกที่โรงแรม ดิเอมเมอรัลด์ กรุงเทพมหานคร เมื่อวานนี้ ( 17 ส.ค.) เพื่อหาทางเยียวยาความเสียหายจากกรณี STARK ไม่ชำระหนี้หุ้นกู้ ซึ่งมีมูลค่ารวมราว 9,198 ล้านบาท ซึ่งในที่ประชุม กลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ STARK และตัวแทนจากผู้จัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้มีการเสนอความคิดเห็นอย่างกว้างขวาง เพื่อหารือแนวทางการเรียกร้องความเป็นธรรมเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น

รวมถึงมีการตั้งคณะทำงาน เพื่อเป็นตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้ STARK ในการรับฟังความคิดเห็น และพิจารณาตัดสินใจดำเนินการร่วมกันในกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ และเป็นตัวแทนในการประสานงานติดต่อสื่อสารกับหน่วยงานและบุคคลต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ในที่ประชุมดังกล่าว ได้เชิญผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านมาร่วมแลกเปลี่ยนคามคิดเห็นและให้คำแนะนำ ประกอบด้วย รศ.ดร.สมชาย สุภัทรกุล คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ดร.พีรภัทร ฝอยทอง ทนายความและนักวางแผนการเงิน CFP (Certified Financial Planner)

ขณะที่ในที่ประชุมเห็นพ้องว่า เบื้องต้นผู้เสียหายจะมีการรวมกลุ่มกันฟ้องร้องทั้งบริษัท กรรมการ และผู้ถือหุ้น ซึ่ง ดร.พีรภัทร ได้ให้คำแนะนำว่า การฟ้องร้องสามารถทำได้ 2 วิธี โดยมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน ประกอบด้วย

วิธีที่หนึ่งคือ คดีแพ่งสามัญ ต่างคนต่างฟ้อง ใครฟ้องชนะ คนนั้นก็ได้รับชำระค่าเสียหาย แต่กระบวนการจะช้ากว่าหากมีผู้เสียหายจำนวนมาก เนื่องจากศาลต้องมาไล่พิจารณาทีละคดี
วิธีที่สองคือ คดีกลุ่ม (Class Action) ซึ่งจะมีความรวดเร็วกว่า เพราะมีตัวแทนเป็นผู้ฟ้องแทนผู้เสียหายทุกคน หากชนะคดี ผู้ที่ไม่ได้ร่วมฟ้องก็มีสิทธิร่วมรับชำระเงินได้ แต่ต้องมั่นใจว่าตัวแทนกลุ่มมีความรู้ความสามารถเพียงพอ สามารถรักษาผลประโยชน์ของทุกคนได้ ที่สำคัญคือต้องสื่อสารให้ผู้เสียหายทุกคนในกลุ่มทราบรายละเอียดและคืบหน้าของคดีอย่างทั่วถึง

ด้าน รศ.ดร.สมชาย สุภัทรกุล คณบดีคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เห็นว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนเป็นสิ่งสำคัญ กรณีที่เกิดขึ้นกระทบต่อความเชื่อมั่น จึงจำเป็นที่จะต้องเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้กลับมา เช่น ผู้สอบบัญชีต้องดำเนินการเข้มงวด ตามมาตรฐานการสอบบัญชี