กลุ่มโรงแรมดิเอราวัณขาดทุนพุ่ง 40% เดินหน้าขายโรงแรมไอบิส 3 แห่งในไทย

643
0
Share:

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ประกาศรายงานผลดำเนินงานไตรมาส 4/64 มีผลขาดทุน 245 ล้านบาท ขาดทุนลดลง 48% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 473 ล้านบาท ถือเป็นไตรมาสที่มีผลการดำเนินงานที่ดีที่สุดของปี จากการฟื้นตัวที่ดีขึ้นอย่างมากของสถานการณ์การท่องเที่ยวในประเทศ

บริษัทมีรายได้รวม 634 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมาจากรายได้ประกอบกิจการโรงแรม 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% ส่วนรายได้ค่าเช่าและบริการ ลดลง 20% มีผลขาดทุนก่อนดอกเบี้ยภาษีเงินได้และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) เท่ากับ 47 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน แต่มีกำไรพิเศษ 95 ล้านบาท จากการขายโรงแรม 2 แห่งในเกาะสมุย และบันทึกกำไรจากการกลับรายการขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ 26 ล้านบาท

ปี 2564 มีผลขาดทุนสุทธิ 2,050.22 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุน 1,715.25 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมจากการดำเนินงาน 1,485 ล้านบาท ลดลง 36% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา และ มี EBITDA เท่ากับ 652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 311%
.
ณ สิ้นไตรมาส 4/64 บริษัทฯ มีเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินดำเนินงานติดลบ 667 ล้านบาท จากผลประกอบการที่ขาดทุน อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อการบริหารจัดการสภาพคล่องทางการเงินและกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลมียอดเงินสดคงเหลือจ านวน 1,242 ล้านบาท และมีวงเงินสินเชื่อที่ยังไม่ได้เบิกใช้จำนวน 5,545 ล้านบาท

สำหรับสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนทั้งจากการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศไทยและอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวจากรัฐบาล เช่น โครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” เฟส 3 ส่งผลให้การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

ด้านแนวโน้มธุรกิจของบริษัทฯ จากการผ่อนคลายมาตรการการควบคุมการระบาดโควิด-19 และอัตราการฉีควัคซีนที่ครอบคลุมจำนวนประชากรมากขึ้นในประเทศ ตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 3/64 และการกลับมาเริ่มเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้งส่งผลให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยมีการฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนแต่อยู่ในรูปแบบค่อยเป็นค่อยไป

แผนการดำเนินงานในปีนี้ของบริษัทฯ นั้น ยังคงมุ่งเน้นการเพิ่มรายได้ในส่วนของกลุ่มตลาดการเดินทางในประเทศทั้งโรงแรมในประเทศไทยและฟิลิปปินส์ โดยคาดการณ์ว่ากลุ่มโรงแรม ฮ็อป อินน์ จะเป็นกลุ่มที่คาดว่าจะฟื้นตัวได้เร็วที่สุดจากทุกกลุ่มประเภทโรงแรม บริษัทฯยังคงมุ่งเน้นพัฒนาจุดขายของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เช่น การพัฒนาช่องทางการจองห้องพักโดยตรงกับโรงแรม อำนวยความสะดวกให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้เข้าถึงและใช้งานได้ง่าย การพัฒนารูปแบบโรงแรมให้ทันสมัย และการขยายฐานลูกค้าสมาชิกให้เพิ่มขึ้น ในขณะที่โรงแรมในกลุ่มระดับ 5 ดาว ถึงชั้นประหยัด บริษัทฯยังคงให้ความสำคัญกับการทำกลยุทธ์การตลาดขยายกลุ่มลูกค้าคนไทยให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

กลยุทธ์การเติบโตระยะยาวในปี 65 บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขยายเครือข่ายกลุ่มโรงแรม“บัดเจ็ท” ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างทั้งหมด 9 แห่ง โดยเป็นโรงแรมฮ็อป อินน์ในประเทศไทย 7 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการ 6 แห่งในปี 65 นี้และเป็นโรงแรมที่ประเทศฟิลิปปินส์อีก 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ และ ฮ็อป อินน์ เซบู ซึ่งเป็นโรงแรมคอนเซป “คอมโบ โฮเทล”แห่งแรกในฟิ ลิปปินส์ นอกจากนี้ใได้เริ่มขยายเครือข่าย “ฮ็อป อินน์” ในประเทศไทยรูปแบบ “แฟรนไชส์” ซึ่งเป็นโมเดลธุรกิจที่จะช่วยสนับสนุนให้บริษัทสามารถเพิ่มเครือข่ายในพื้นที่ยังไม่มีโรงแรมฮ็อป อินน์ หรือเมืองรองต่างๆ

บริษัทดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW อยู่ระหว่างดำเนินธุรกรรมการขายโรงแรม 3แห่ง ได้แก่ โรงแรม ไอบิส สไตล์ กระบี่ โรงแรม ไอบิส กะตะ และโรงแรม ไอบิส หัวหิน คาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะแล้วเสร็จไตรมาส 2/65 ซึ่งส่วนหนึ่งของการดำเนินตามกลยุทธ์ระยะยาวของบริษัทฯ ในการปรับพอร์ตการลงทุนโรงแรมที่มุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มโรงแรมบัดเจ็ทและเพิ่มสัดส่วนรายได้และกำไรที่เกิดจากฐานลูกค้าผู้ใช้บริการภายในประเทศ ซึ่งเงินที่คาดว่าจะได้รับจากธุรกรรมนี้จะน าไปสนับสนุนสถานะทางการเงินของบริษัท และนำไปเป็นเงินทุนสำหรับขยายและพัฒนาโครงการในอนาคต