กลุ่ม ปตท. ไตรมาส 4/66 กำไรส่อแววลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ ค่าการกลั่นปรับลง

173
0
Share:
กลุ่ม ปตท. ไตรมาส 4/66 กำไร ส่อแววลดลง เนื่องจากราคาน้ำมันดิบ ค่าการกลั่นปรับลง

บมจ.ปตท.(PTT) ประกาศกำไรไตรมาส 3 ปี 2566 ที่ 31,297.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 252.66% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 8,874.57 ล้านบาท ส่งผลให้งวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 79,258.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.31% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไร 72,509.81 ล้านบาท ส่วนบริษัทลูก 6 บริษัท ประกอบด้วย บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP), บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล ( PTTGC), บมจ. ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR), บมจ. ไออาร์พีซี (IRPC), บมจ. ไทยออยล์ (TOP), บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) ไตรมาส 3 ปี 2566 รวมกำไรสุทธิ 39,753.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 329.20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่กำไรสุทธิ 9,262.20 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนกำไร 85,450.09 ลดลง8.72% จากช่วงเดียวกันปีก่อนกำไร 93,608.70ล้านบาท

นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงาน ปตท. และบริษัทย่อย ใน 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้ 2,337,438 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 79,259 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.3% จากช่วงเดียวกันของปี 2565 เนื่องจากขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อป้องกันความเสี่ยงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง และมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบมีการปรับตัวลดลงจากความกังวลความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เริ่มผ่อนคลาย รวมถึงความต้องการใช้น้ำมันที่ลดลงจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ทำให้กำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ต้นทุนทางการเงิน และภาษีเงินได้ (EBITDA) ของกลุ่ม ปตท. ปรับลดลง โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและ การกลั่น จากกำไรขั้นต้นจากการกลั่น (Market GRM) ที่ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2565 และผลกำไรสต๊อกน้ำมันที่ลดลง ประกอบกับผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ปรับลดลงจากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลง โดย กลุ่ม ปตท. นำส่งรายได้จากการดำเนินธุรกิจ 9 เดือนแรกของปี 2566 ให้กับรัฐ เพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ แล้วประมาณ 48,000 ล้านบาท

นายจักรพงศ์ เชวงศรี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์(บล.)กสิกรไทย เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยฯ คาดการณ์ว่ากำไรกลุ่มปตทไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ที่ 70,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 286% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 87% จากไตรมาสก่อนหน้า นับว่าสูงกว่าที่เราคาดการณ์ราว 3% หรือ 67,910 ล้านบาท โดยสาเหตุหลักมาจากกำไรของ OR และ PTTGC ที่สูงกว่าที่คาด ในขณะที่ไม่มีบริษัทไหนในกลุ่มที่ประกาศผลการดำเนินงานต่ำกว่าคาดการณ์

ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4 ปี 2566 ของกลุ่มปตท. คาดว่าจะอ่อนตัวลง เป็นผลจากการปรับลดลงของราคาน้ำมัน และค่าการกลั่น อีกทั้งค่า Ft ก็มีการปรับลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มปตท. มีโอกาสปรับตัวดีขึ้น (อัปไซด์) ที่ค่อนข้างจำกัดในปีนี้ เนื่องจากกำไรสุทธิ 9 เดือนแรก2566 คิดเป็น 87% ของที่เราประมาณการไว้สำหรับทั้งปี 2566 อยู่ที่ 197,770 ล้านบาท ขณะที่ปี 2567 เรามองว่าผลการดำเนินงานของกลุ่ม ปตท. น่าจะทรงตัวอยู่ใกล้เคียงกับปี 2566 เนื่องจากสภาวะอุตสาหกรรมที่ยังมีความท้าท้ายจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง อีกทั้งสภาวะสงครามและความตึงเครียดภูมิรัฐศาสตร์ยังมีอย่างต่อเนื่อง แต่การรวมกลุ่มเพื่อควบคุมอุปทานน้ำมันของ OPEC+ น่าจะยังทำให้ราคาน้ำมันยังคงยืนอยู่ระดับสูง หากไม่มีสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก