กองทรัสต์ WHAIR ติดโผหุ้น ESG Emerging และ ESG100 ปี 66 ด้าน WHART ติดอันดับน่าลงทุน

206
0
Share:
กองทรัสต์ WHAIR ติดโผ หุ้น ESG Emerging และ ESG100 ปี 66 ด้าน WHART ติดอันดับน่าลงทุน

นายณัฐพรรษ ตันบุญเอก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA Group เปิดเผยว่า จากการที่สถาบันไทยพัฒน์ โดยหน่วยงาน ESG Rating ผู้พัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจในประเทศไทย และเป็นผู้จัดทำข้อมูลกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ได้จัดทำรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่น่าลงทุนในกลุ่ม ESG Emerging ปี 2566 จากการคัดเลือก 888 บริษัท/กองทุน/ทรัสต์เพื่อการลงทุน โดยใช้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) โดยในปีนี้ WHA Group รวมถึงทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHAIR) ติดโผเป็น 1 ใน 15 หลักทรัพย์ ในทำเนียบ “บริษัทวิถียั่งยืนที่น่าลงทุน” หรือ ESG Emerging List ปี 2566 และได้เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 เป็นครั้งแรก ภายใต้เกณฑ์การพิจารณาจากข้อมูลการดำเนินงานที่สะท้อนปัจจัยด้าน ESG ตามที่บริษัทเปิดเผยต่อสาธารณะ และผ่านเกณฑ์คัดกรองเบื้องต้นที่ใช้ในการประเมินหลักทรัพย์ ESG100 ของสถาบันไทยพัฒน์ ตามหลักการ CORE Framework เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแก่ผู้ลงทุน

ขณะเดียวกัน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) ซึ่งเป็นกองทรัสต์ Industrial ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารกว่า 1.74 ล้านตารางเมตร ได้รับการการคัดเลือกกองทรัสต์ที่น่าลงทุนของกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 ประจำปี 2566 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เช่นเดียวกัน

ซึ่งการที่ WHA Group และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) รวมถึงถึงทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล (WHAIR) ได้รับคัดเลือกติดอันดับการน่าลงทุนของกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า กลุ่มบริษัทฯ มุ่งเน้นในการการพัฒนางธุรกิจ ทั้ง 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัล อย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียในทุกกลุ่ม ที่พิจารณาลงทุนตามวิถีการลงทุนอย่างยั่งยืน (Sustainable Investment) โดยเน้นปัจจัยด้านมิติสิ่งแวดล้อม (Environment) มิติสังคม (Social) และมิติธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG ตลอดจนการคำนึงถึงผู้มีส่วนได้สเสียทุกภาคส่วน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกเสมอมา และยังคงรักษามาตรฐานของผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนมาโดยตลอด

นายณัฐพรรษ กล่าวทิ้งท้ายว่า WHA Group พร้อมเดินหน้านำเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาใช้พัฒนาผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ภายใต้ภารกิจ “Mission To The Sun” ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งหมดของบริษัทฯ ได้แก่ลูกค้า พนักงาน ผู้ถือหุ้น พันธมิตรทางธุรกิจ ตลอดจนสังคมไทย โดยโครงการที่สำคัญ ได้แก่ Green Logistics, Digital Twin, Digital Healthcare, Circular และด้วยกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้บริษัทฯ มั่นใจเป็นอย่างมากว่าจะสามารถก้าวสู่การเป็น Technology Company ภายในปี 2567 ได้อย่างแน่นอน”