กัญชาเสรีสะดุด

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า นโยบายการเปิดเสรีกัญชาให้สามารถปลูกได้ทุกบ้าน ยังคงติดสนธิสัญญาของสหภาพยุโรป ตราบใดที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ปลดกัญชาและสาร THC ออกจากบัญชียาเสพติด ประเทศไทยก็คงทำได้ยากมาก ดังนั้นต้องกลับมาดูที่สาร CBD ซึ่งไม่ได้อยู่ในหมวดยาเสพติดของ WHO จึงสามารถผลักดันต่อไปได้
.
ส่วนเรื่องการส่งออกกัญชานั้นไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีประเทศใดในโลกรับซื้อ แตกต่างจากกัญชง ถ้าปลดล็อคให้ชาวบ้านปลูกได้ ก็สามารถส่งออกได้
.
อย่างไรก็ตามการปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น มีสิทธิ์ปลูกได้ แต่ต้องใช้เพื่อการแพทย์ และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐเท่านั้น โดย อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านหรือ อสม.จะเป็นภาคส่วนที่เข้าไปดูแลเบื้องต้น
.
โดยเรื่องที่ต้องทำเร่งด่วนตอนนี้คือเรื่องการแก้กฎของคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ ประกาศว่าพืชกัญชง ที่มีสาร CBD สูง ให้ปลดออกจากบัญชียาเสพติด และปลดสาร CBD จากสารเสพติดทั้งหมด เพื่อเปิดช่องให้กระทรวงสาธารณะสุขสามารถจ่ายยาที่ผสมสาร CBD ให้ชาวบ้านได้ ส่วนเรื่องการสกัดนั้นต้องคัดแยกใช้แต่สาร CBD ส่วนชาวบ้านทั่วไปสามารถใช้วิธีสกัดแบบง่ายๆเพื่อใช้ในครัวเรือน
.
ดังนั้นจะไปปลดพืชกัญชาคงลำบากเพราะมีทั้ง THC และ CBD ดังนั้นจึงต้องปลด CBD ก่อน เพราะต่างประเทศยอมรับว่ามันไม่ใช่ยาเสพติดแล้ว ถ้าปลดกัญชงออกจากยาเสพติดแล้ว จะเริ่มนำร่องปลูกในสถาบันของรัฐก่อนเปิดให้ประชาชนปลูกอย่างเสรี แบบมีขั้นตอน
.
นายอนุทินกล่าวต่อว่า สาร CBD มีประโยชน์ต่อร่างกายมาก กัญชงมีสารดังกล่าวเยอะสามารถนำมาพัฒนาสายพันธ์ให้มีความเข้มข้นมากขึ้นเพื่อรักษาผู้ป่วย อีกทั้งลำต้นยังสามารถนำไปผลิตในอุตสากรรมสิ่งทอได้อีกด้วย หากชาวบ้านจะปลูกต้องมาเรียนรู้ทำความเข้าใจและขึ้นทะเบียนการปลูก แต่ทั้งนี้ยืนยันว่านโยบายกัญชาและกัญชงนั้นได้ถูกบรรจุอยู่ในนโยบายของรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการชี้แจงในการประชุมสภาในวันที่ 25-26 ก.ค.นี้