WorkVenture ที่ปรึกษาและผู้นำด้านการสร้างแบรนด์นายจ้างให้กับบริษัทชั้นนำในไทยประจำปี 2567 โดยได้เปิดเผยผลสำรวจสุดยอดนายจ้างในดวงใจของคนทำงานรุ่นใหม่ ทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ โดยยังคงมุ่งเป้าไปที่คนรุ่นใหม่และกลุ่มคนที่เริ่มงานช่วงแรก อายุระหว่าง 22-35 ปี ที่จบระดับปริญญาตรีขึ้นไป อาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล กว่า 11,452 คน
จากการวิเคราะห์ของ WorkVenture พบว่าภาพรวมของปีนี้บริษัทขนาดใหญ่สัญชาติไทยยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จากการปรับตัวทั้งในเรื่องของสถานที่ทำงานและรูปแบบการทำงาน รวมถึงความเข้าใจในวัฒนธรรมการทำงานของคนไทยที่ทำให้พัฒนานโยบายด้านทรัพยากรมนุษย์ได้อย่างตรงจุด ทำให้บริษัทกลายเป็นที่รู้จักในฐานะองค์กรที่น่าทำงานด้วยมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่น้อยหน้าไปกว่าบริษัทจากต่างประเทศ ที่เคยถูกมองว่าให้ประสบการณ์การทำงานที่ว้าวกว่า แต่ผลสำรวจของปีนี้พบว่าองค์กรต่างๆ ยังมีการปรับตัวและการแข่งขันในเรื่องการเข้าหาและรับฟังเรื่องราวการทำงานของคนเจน Z ซึ่งกำลังก้าวเข้ามาเป็นประชากรที่เกือบจะครึ่งหนึ่งของหลายๆ องค์กร
โดยWorkVentureได้จัดอันดับ บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดประจำปี 2567 เป็น 50 อันดับ โดยใน 5 อันดับแรกที่ครองใจคนทำงานรุ่นใหม่มากที่สุดในช่วงเวลานี้ได้แก่
อันดับ 1 Google : กูเกิล โดยยังคงขึ้นแท่นอันดับหนึ่งบริษัทที่คนเก่งอยากร่วมงานมากที่สุด ติดต่อกันเป็นปีที่ 6 เพราะการได้เป็นพนักงานที่นี่นอกจากความภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ล้วนสร้างความสุข และเติมเต็มชีวิตของทุกคนทั่วโลกแล้ว Google ยังมีสวัสดิการสุดว้าวอาทิ รถรับ-ส่งพนักงานจากย่านที่อยู่อาศัย พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานและประชุมอย่างครบครัน อาหารฟรี 3 มื้อ นโยบาย 20 Percent Time ให้พนักงานใช้เวลาทำงาน 20% ไปคิดสร้างสรรค์ โปรเจกต์ที่สร้างประโยชน์ให้กับ Google มากที่สุด นอกจากนั้นยังมี แพทย์ประจำบริษัท ช่างตัดผม ห้องนอนพัก อุปกรณ์/โต๊ะทำงานสุดไฮเทค และอื่นๆ อีกมากมาย
อันดับ 2 PTT : ปตท. บริษัทพลังงานแห่งชาติที่เป็นรากฐานความมั่งคั่งและยั่งยืนของประเทศไทยมายาวนานกว่า 40 ปี เป็นบริษัทที่โดดเด่นทั้งเรื่องค่าตอบแทนที่คุ้มค่าและการทุ่มเทงบประมาณไปกับการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในองค์กรอย่างไม่หยุดยั้ง โดยตั้งแต่ปี 2565 ที่ผ่านมา ปตท. ได้ปรับกลยุทธ์การพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้ Fit in กับพนักงานส่วนใหญ่ที่เป็น Gen Y และ Gen Z โดยชู S-P-R-I-R-I-T เป็นค่านิยมหลักขององค์กร เน้นวัฒนธรรมองค์กรไปที่การทำงานร่วมกันแบบพี่น้อง และการเปิดใจยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง ทำให้ไม่มีปัญหาระหว่างคนต่างเจน
อันดับ 3 SCG : เอสซีจี โดยได้ขึ้นชื่อว่า “มีสวัสดิการที่ครองใจคนรุ่นใหม่มากที่สุด’ อีกด้วย โดยเฉพาะสวัสดิการที่ไม่เหมือนใครอย่าง Flexible Benefits คือ ให้พนักงานทุกคนสามารถ จัดสรรงบสวัสดิการตามความต้องการของตนเองได้ เช่น พนักงาน Gen Z ที่มี Passion ในการท่องเที่ยว ก็สามารถแบ่งงบจากส่วนที่เกี่ยวกับสุขภาพไปใช้ในสวัสดิการที่ซัพพอร์ตการท่องเที่ยวแทนได้ และอีกสวัสดิการสุดพีคอย่าง Health Care & Health Club คือ พนักงานสามารถใช้ facilities ที่บริษัทมอบให้ ทั้ง fitness center แบบพรีเมี่ยม คอร์ดแบดมินตัน สนามเทนนิส สนามบาสเกตบอล สนามกอล์ฟจำลอง รวมถึง Class ออกกำลังกายหลังเลิกงานต่างๆเป็นต้น
อันดับ 4 Agoda : อโกด้า องค์กระดับโลก ผู้เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มจองที่พัก ท่องเที่ยว และตั๋วเครื่องบินแบบครบวงจรอย่าง Agoda ไต่ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 4 ในปีนี้ และยังคงเป็นขวัญใจชาวออฟฟิศอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นที่ที่สามารถให้เงินเดือนและสวัสดิการได้เทียบเท่ากับการไปทำงานที่ต่างประเทศ และเปิดโอกาสให้เด็กจบใหม่ได้ลงมือทำจริงในโปรเจกต์ใหญ่ๆ เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีในช่วงเริ่มทำงาน อีกทั้งยังจะได้เรียนรู้ด้านเทคโนโลยีที่มีความทันสมัย เรียนรู้จากเพื่อนร่วมงานเก่งๆ จากกว่า 90 สัญชาติทั่วโลก
อันดับ 5 Unilever : ยูนิลีเวอร์ ผลิตของใช้ในชีวิตประจำวันมากมายยาวนานกว่า 90 ปี นอกจากธุรกิจที่มั่นคงและยั่งยืนแล้ว ยังเป็นที่รู้กันดีในหมู่คนทำงานว่า ‘ที่นี่มุ่งรักษาพนักงานให้ทำงานอยู่นานๆ’โดยมีวัฒนธรรมการทำงานที่สนับสนุนพนักงานในทุกด้าน ทั้งรูปแบบการทำงานแบบผสมผสาน เช่น ให้พนักงานเข้าทำงานเพียง 2 วัน/สัปดาห์ นอกนั้นสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ตามอัธยาศัย และงดการประชุมทุกวันศุกร์ เพื่อให้พนักงานรีบเคลียร์งานก่อนถึงวันหยุด ถ้าวันไหนมาทำงานที่ออฟฟิศก็ยังมีพื้นที่สำหรับพักผ่อนให้ได้ผ่อนคลายทุกช่วงเวลาที่ต้องการ ทั้งคาเฟ่ และห้องออกกำลังกาย เป็นต้น
อันดับ 6 LINE : ไลน์ เป็นองค์กรแรกๆ ที่เหล่าคน Gen Z อยากร่วมงานด้วย และยังมีสวัสดิการที่น่าสนใจ ทั้งวัฒนธรรมองค์กรสุดชิคที่ให้อิสระทางความคิดและการทำงานอย่างสร้างสรรค์ อีกทั้งยังมีสภาพแวดล้อมของออฟฟิศสุดโคซี่ อบอุ่น น่ารัก แถมเดินทางสะดวก มีสวัสดิการสุดว้าวมากมาย เช่น ข้าวเช้าและข้าวกลางวันฟรี นวดฟรี 15 นาที ประกันสุขภาพครอบคลุมคู่สมรสและบุตร เงินขวัญถุง 20,000 บาท สำหรับการแต่งงาน และพนักงานผู้ชายคนใดที่มีบุตร ก็สามารถใช้สิทธิลาคลอดไปดูแลภรรยาได้อีกด้วย
อันดับ 7 Toyota Motor : โตโยต้า มอเตอร์ โดยโตโยต้าขึ้นชื่อเรื่องการทำงานที่เป็นขั้นเป็นตอน และมีแบบแผนแต่ก็เปิดโอกาสให้พนักงานได้แสดงความคิดเห็นและเสนอไอเดียใหม่ๆ อยู่เสมอ นอกจากเรื่องสไตล์การทำงาน Toyota Motor ยังคงรักษามาตรฐานในเรื่องของ ‘โบนัส’ ที่สูงกว่าบริษัทอื่นๆ เอาไว้ได้จากยอดขายและความนิยมในแบรนด์ที่มีมาอย่างยาวนาน Toyota Motor จึงเหมาะจะเป็น ‘ที่ทำงานที่แรก’ ของคนรุ่นใหม่ที่อยากจะเข้าไปพัฒนาตัวเองกับองค์กรที่มีแบบแผนการทำงานเป็นมาตรฐานและมีชื่อเสียงระดับโลก นอกจากสวัสดิการที่ครอบคลุมตั้งแต่ตัวพนักงานไปจนถึงครอบครัวแล้ว ที่นี่ยังสนับสนุนค่าเรียนภาษาและค่าเรียนปริญญาโทด้วย
อันดับ 8 ThaiBev : ไทยเบฟ มีชื่อเสียงในเรื่องของการเป็นองค์กรแห่งความหลากหลาย ที่เปิดรับบุคลากรอย่างไม่จำกัดเพศ อายุ สัญชาติ ศาสนา โดยมอบ “โอกาสไร้ขีดจำกัด” ให้ทุกคนได้แสดงศักยภาพอย่างถึงที่สุด นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้นักศึกษาฝึกงานได้ลงมือทำงานจริง เพื่อเตรียมความพร้อม ปรับตัวสู่การทำงานในอนาคต ปัจจุบันไทยเบฟมีอัตราส่วนพนักงานเป็น Gen Z มากที่สุด เรียกได้ว่าเป็นองค์กรของคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง และยังมีโปรแกรมพัฒนาการเรียนรู้ของพนักงานอยู่ตลอดเวลา
อันดับ 9 Mitr Phol : มิตรผล บริษัทชั้นนำระดับโลกในอุตสาหกรรมน้ำตาลและ Bio-based ที่ติดอันดับ Top 10 ของ 50 บริษัทที่คนรุ่นใหม่อยากร่วมงานด้วยมากที่สุดมาถึง 3 ปีซ้อน โดยมีสวัสดิการที่ดูแลสุขภาพทั้งพนักงานและครอบครัวให้อุ่นใจในการทำงาน วันลาพิเศษที่ตอบโจทย์คนทำงานในทุกช่วงวัย รวมถึงเปิดให้พนักงานสามารถเลือกเวลาเข้างานเพื่อ Balance ชีวิตได้อย่างเหมาะสม
อันดับ 10 Bangchak : บางจาก
บางจาก ยังคงติดอันดับ ‘บริษัทมหาชนด้านพลังงานสัญชาติไทย’ ที่เป็นที่สนใจของพนักงานรุ่นใหม่มาอย่างยาวนานต่อเนื่องกันหลายปี เพราะนอกจากมีชื่อเสียงแล้ว ที่นี่โดดเด่นด้านการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้สนับสนุนการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุด มุ่งพัฒนาศักยภาพพนักงานรอบด้าน มีหลักสูตรอบรมหลากหลายตอบโจทย์ความต้องการพนักงานทุก Generation และยังผลักดันสตาร์ทอัพใหม่ๆ ให้สร้างสรรค์นวัตกรรมเข้าสู่สังคม ควบคู่ไปกับนโยบาย Greenovation (Green + Innovation) สร้างสรรค์นวัตกรรมสีเขียวเพื่อเป็นการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย เรียกได้ว่าทำงานที่นี่ได้ครบคุ้มทุกด้านจริงๆ ทั้งเงินเดือน สวัสดิการ ความรู้ และการคืนคุณค่าให้แก่สังคม