ก่อการร้ายคอนเสิร์ตใจกลางเมืองหลวงรัสเซียดันยอดเสียชีวิตพุ่งเกินกว่า 143 ราย

42
0
Share:
ก่อการร้าย คอนเสิร์ตใจกลางเมืองหลวง รัสเซีย ดันยอดเสียชีวิตพุ่งเกินกว่า 143 ราย

ทางการรัสเซีย เปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 143 รายจากใน 3 ชั่วโมงกว่าผ่านมาที่รายงานเสียชีวิต 93 ราย ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บเพิ่มเป็นมากกว่า 145 ราย สำหรับผู้เสียชีวิตทั้งหมดนั้นมีทั้งถูกยิงเสียชีวิต ถูกไฟไหม้เสียชีวิตเนื่องจากเกิดตื่นตระหนกตกใจวิ่งหาทางออกอย่างไม่คิดชีวิต เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า พบร่างผู้เสียชีวิต 28 ราย กองกันอยู่ในห้องน้ำ และร่างผู้เสียชีวิต 14 รายกองเรียงรายบนขั้นบันได ที่เศร้าสลด คือ ผู้เสียชีวิตจำนวนไม่น้อยเป็นแม่ที่กอดลูกไว้กับร่างตนเอง

ขณะที่จับตัว 11 ผู้ต้องสงสัยเกี่ยวข้องก่อเหตุโศกนาฏกรรมกราดยิงประชาชนในห้องจัดแสดงคอนเสิร์ตร็อควงปิกนิค ซึ่งในจำนวนดังกล่าวมีผู้ต้องสงสัย 4 คนที่คาดว่าเป็นกลุ่มมือปืน เหตุการณ์เศร้าสลดที่มีผู้เสียชีวิตหมู่รวมกันที่เกิดจากการก่อการร้ายได้กลายเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงมากที่สุดในรอบ 22 ปี หรือนับตั้งแต่เหตุการณ์กลุ่มแบ่งแยกหัวรุนแรงในเมืองเชเชนจับตัวประกันและสังหารหมู่ในปี 2002 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตมากถึง 170 ราย สำนักข่าวทาสส์ (TASS) ซึ่งเป็นสื่อของทางการรัสเซีย รายงานว่า จำนวนผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นแน่นอน

รายงานจากหน่วยงานความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย เปิดเผยว่า เมื่อวันอังคารที่ 19 ผ่านมา ในการประชุมตามวาระปกติระหว่างนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสภาความมั่นคงแห่งรัฐบาลกลางรัสเซีย หรือ FSB ปรากฏว่า นายปูตินแสดงความไม่พอใจ และโต้กลับคำเตือนของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของประเทศในโลกตะวันตกที่ประกาศเตือนว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเหตุก่อการร้ายในกรุงมอสโก รัสเซีย นายปูติน กล่าวในที่ประชุมดังกล่าวว่า เป็นการแบล็คเมลและเป็นความตั้งใจที่จะข่มขู่คุกคาม และสร้างความไม่สงบในสังคมรัสเซีย

เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2024 ผ่านมา สถานทูตสหรัฐอเมริกาในกรุงมอสโก ประกาศเตือนสาธารณะว่า กลุ่มผู้ก่อความรุนแรงสุดขั้วมีเป้าหมายที่จะก่อเหตุในสถานที่ที่มีการรวมตัวกันของประชาชนจำนวนมาก ซึ่งรวมถึงกิจกรรมงานต่างๆ ที่จะมีขึ้นในกรุงมอสโก คำเตือนดังกล่าวนั้นได้รับจากหน่วยข่าวกรองระดับสูงสุดของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ส่งมาถึงสถานทูตสหรัฐอเมริกาในกรุงมอสโก ที่สำคัญ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ส่งต่อข้อมูลดังกล่าวให้กับหน่วยข่าวกรองและสำนักงานตำรวจกรุงมอสโกด้วย

หัวหน้าหน่วย FSB นายอเล็กซานเดอร์ บอร์ทนิคอฟ เปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นกลุ่มมือปืนสังหารหารทั้ง 4 คนที่ถูกจับได้นั้น สามารถจับกุมขณะที่ทั้ง 4 คนพยามหนีข้ามพรมแดนไปยังประเทศยูเครน ซึ่งได้มีการส่งตัวทั้ง 4 คนกลับมายังกรุงมอสโก เพื่อทำการสอบสวนเพื่อระบุความชัดเจนในการเชื่อมโยงกับบุคคลอื่น หรือองค์ใดบ้าง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานตรงกันว่า กลุ่มไอซิส หรือ ISIS หรือกลุ่มนักรบติดอาวุธแห่งรัฐอิสลามและอิรัก ได้ออกมายืนยันแสดงความรับผิดชอบในการก่อเหตุการณ์ร้ายด้วยการกราดยิงประชาชนที่เข้าชมงานแสดงคอนเสิร์ตดนตรีร็อคมีชื่อว่าปิคนิคในเมืองหลวงกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย

โดยเหตุโศกนาฏกรรมดังกล่าวเป็นครั้งรุนแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของรัสเซียนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.30 น. วันนี้ 23 มีนาคม 2024 มือปืน 5 คนในแต่งตัวด้วยชุดลายพรางพร้อมอาวุธปืนอัตโนมัติได้กราดยิงใส่ประชาชนในงานคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นบริเวณศาลาว่าการครอคัส ชาน กรุงมอสโก

สำนักข่าวทาสส์ (TASS) ซึ่งเป็นสื่อของทางการรัสเซีย รายงานในช่วงแรกว่า ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้น 2 ครั้งในสถานที่จัดคอนเสิร์ต ในเวลาช่วงนั้น มือปืนยังคงหลบซ่อนอยู่ภายในอาคารศาลาว่าการ หลังเกิดการสุดสยอง รถพยาบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจรวมมากกว่า 70 คน เข้าไปบริเวณสถานที่เกิดเหตุ

รัฐบาลรัสเซียประกาศมาตรการรักษาความปลอดภัยเต็มขั้นสูงสุดทั้งที่สนามบิน สถานีรถไฟ รวมถึงทั่วทั้งหมดในกรุงมอสโก ที่มีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 21 ล้านคน ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุว่าเหตุการณ์การโจมตีอันนองเลือดเป็นการกระทำของผู้ก่อการร้าย และประชาคมโลกต้องประณามอาชญากรรมอันโหดร้ายครั้งนี้

ขณะที่ ในช่วงเวลาเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว นายดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ซึ่งในปัจจุบันเป็นรองประธานคณะมนตรีความมั่นคงของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียจะทำลายเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน หากมีความเกี่ยวข้องกับเหตุโจมตีที่เกิดขึ้น ด้านรัฐบาลประเทศยูเครน ตอบโต้กลับและยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัสเซีย ยูเครนไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ

เหตุการณ์ก่อการร้ายในเช้ามืดวันนี้ เกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียสิ้นสุดลงเพียง 6 วันผ่านมาทางการรัสเซีย เปิดเผยว่าผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียเบื้องต้น พบว่า มีสัดส่วนสูงถึง 87.2% ที่สนับสนุนลงคะแนนเลือกนายวลาดิเมียร์ ปูติน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียต่ออีกสมัย ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งอีกเป็นเวลา 6 ปี จนถึงปี 2030 ขณะที่ผลการเลือกตั้งในเบื้องต้นดังกล่าวนั้น ทางการรัสเซียอ้างว่ามีประชาชนรัสเซียสนับสนุนมากขึ้นจากเดิมในปี 2018 ที่มีสัดส่วนผู้สนับสนุนที่ 77%