“ก้าวไกล” คาดเจรจาจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เดินหน้าเจรจา ส.ว.

192
0
Share:
ก้าวไกล คาดเจรจา จัดตั้งรัฐบาล แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ เดินหน้าเจรจา ส.ว.

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลว่า กระบวนการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลน่าจะจบได้เร็วขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ หากไม่มีปัญหาอื่นมาแทรก หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ส่วนกรณีที่ล่าสุดจำนวน ส.ส.ของพรรคก้าวไกลลดลงจาก 113 เหลือ 112 ที่นั่ง ซึ่งพรรคเห็นข้อผิดพลาดตรงนี้อยู่แล้ว เพราะในหน้าเว็บไซต์ของพรรคก้าวไกล ยังยืนยันตัวเลข 112 ที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ 39 ที่นั่ง ทำให้ตอนนี้ ส.ส.ของก้าวไกล มี 151 ที่นั่ง และ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล เหลือ 312 ที่นั่ง โดยยืนยันว่าไม่กระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาลแต่อย่างใด

โดยหลังจากได้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล ก็มีทิศทางการตอบรับในเชิงบวก ทั้งจากพรรคร่วมและประชาชน และด้านสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีความเข้าใจมากขึ้น และยอมรับในหลักการที่จะมีการโหวตให้กับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีมากขึ้น แต่ยังคงเดินหน้าเจรากับ ส.ว. เป็นรายบุคคลอย่างต่อเนื่อง และเชื่อมั่นว่าจะได้จำนวนโหวตที่มากพอ

ขณะนี้จำนวน ส.ว.ที่พร้อมสนับสนุนนายพิธาเป็นนายกฯ ที่พรรครวบรวมได้ตอนนี้มี 19 คน และเรายังมั่นใจจากการเดินหน้าพูดคุยเป็นไปทางบวก จากการที่เราพูดคุย ซึ่ง ส.ว. บางท่านไม่ประสงค์ประกาศทางสาธารณะ แต่เชื่อว่ายิ่งใกล้วันโหวตจะมีจำนวนมากขึ้น การที่ได้พูดคุยเป็นรายบุคคล น่าจะคลายกังวลลงได้หลายเรื่อง

สำหรับทิศทางการกำหนดนโยบายของพรรคร่วมฯ ช่วงนี้จะเป็นการเจรจาพรรคร่วมรัฐบาลในประเด็นต่างๆ รวมถึงหารือเรื่องเก้าอี้รัฐมนตรี และหารือพูดคุยนโยบายที่ยังเห็นต่างกัน เช่น นโยบายเรื่องค่าแรง 450 บาท ซึ่งพรรคเพื่อไทยให้สัญญาณทางบวกไม่ขัดข้อง แต่ในนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ต้องหารือกับพรรคเพื่อไทยว่าจะดำเนินนโยบายนี้หรือไม่ ซึ่งเมื่อได้ข้อสรุปจะได้เป็นแนวทางที่จะใช้ในการแถลงต่อรัฐสภา ซึ่งการจัดตำแหน่งต่างๆ ย้ำว่าจะยึดวาระและนโยบายที่จะทำเป็นหลัก ในเรื่องการเจรจาต่อรองคงไปพูดคุยในรายละเอียดในกระทรวงต่างๆ โดยตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลจะเป็นโควต้าจาก ส.ส.พรรค และคนนอก และการแบ่งตำแหน่งกับพรรคร่วมรัฐบาล คงต้องมีการจัดสรรปันส่วนอย่างเป็นธรรม ซึ่งต้องสะท้อนกับจำนวน ส.ส.ในสภาฯ ด้วยเช่นกัน

ส่วนที่มีการคาดการณ์ว่าพรรคเพื่อไทยจะดูแลกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ส่วนพรรคก้าวไกลจะดูแลด้านความมั่นคงและกระทรวงด้านสังคมนั้น น.ส.ศิริกัญญา กล่าวว่าต้องเคารพพรรคร่วมรัฐบาลที่เดินหน้าเจรจาในเรื่องโผต่างๆ ที่หลุดออกมาเป็นเพียงการคาดการณ์ของหลายฝ่าย และอาจเป็นความคาดหวังหลายฝ่ายที่อยากเห็น ครม. ในฝันว่ามีหน้าตาเป็นอย่างไร ขณะเดียวกัน น.ส.ศิริกัญญายังไม่ได้วางบทบาทของตัวเองว่าจะทำหน้าที่ในตำแหน่งใด ขึ้นอยู่กับทางพรรคในการจัดสรร ส่วนตัวพร้อมรับตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หากพรรคมอบหมาย

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังยืนยันว่ายังคงเดินหน้าเรื่องการขึ้นค่าแรง 450 บาทภายใน 100 วันตามที่หาเสียงไว้ แต่ก็จำเป็นต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล และไม่อยากให้เป็นการส่งสัญญาณว่ามีการเลือกกระทรวงแต่อย่างใด เพราะการเจรจาเรื่องตำแหน่งยังไม่เสร็จสิ้น และอาจถูกมองว่าไม่ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนข้อกังวลจากผู้ประกอบการหากมีการปรับขึ้นค่าแรงนั้นจะมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่เหมาะสม ซึ่งหลายบริษัทอาจกังวลว่าการเยียวยาอาจไม่เพียงพอ ซึ่งทางพรรคพร้อมเปิดรับฟังความคิดจากผู้ประกอบการด้วย

ส่วนความเป็นห่วงเรื่องการเดินหน้านโยบายเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน น.ส.ศิริกัญญาระบุว่านโยบายพรรคเน้นการสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างเป็นธรรม ส่งเสริมทั้งผู้ประกอบการและแรงงานเดินหน้าต่อเนื่อง และลดความเลื่อมล้ำ หลังจากได้เดินสายพูดคุยกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) แล้ว จะเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นต่อเนื่อง โดยจะร่วมหารือกับสภาแรงงานแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และภาคส่วนต่างๆ

พร้อมกันนี้ยังยืนยันถึงแนวทางการนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เจ้าพนักงาน ตำรวจ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ทำงานได้เต็มที่ แต่ต้องพิจาณาคุ้มครองผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งผู้ประกอบการ และผู้ปลูกที่ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย และยืนยันว่าจะไม่ให้เกิดผลกระทบกับผู้ที่ดำเนินการถูกต้องตามกฏหมาย และในขั้นตอนต่อไปจะมีการคุ้มครองผู้ประกอบการที่จดทะเบียนถูกต้อง เช่น ผู้ขายสมุนไพรควบคุม จำเป็นต้องมีประกาศออกมาอีกครั้ง และเป็นเรื่องที่ต้องหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล

ขณะที่ประเด็นระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้ น.ส.ศิริกัญญา มองว่าความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมชาติ การเจรจาพูดคุยยังเดินหน้าต่อเนื่อง เพื่อทำให้ความกังวลใจต่างๆ ได้คลี่คลาย และไม่กังวลว่าจะนำไปสู่ความวุ่นวายในการจัดตั้งรัฐบาล