ก.ควบคุมโรคเผยเจอคลัสเตอร์หลังสงกรานต์แล้ว ต้องรอลุ้นยอด 2-4 สัปดาห์นี้

383
0
Share:

นายแพทย์จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ได้กล่าวว่าสถานการณ์ในไทย ผู้ป่วยอาการหนักยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนการครองเตียงอยู่ที่ประมาณ 30% การติดเชื้อเริ่มลดลง แต่ต้องมาติดตามดูสถานการณ์หลังเทศกาลสงกรานต์ว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่ชื่นชมหลายสถานที่จัดงานอย่างปลอดภัย และหลายพื้นที่มีการรณรงค์ฉีดวัคซีนช่วงเทศกาลสงกรานต์ แต่ขอย้ำว่าทุกจังหวัดยังคงเตือนภัยโควิดระดับ 4 อยู่เช่นเดิมต่อไปอีกสักระยะ จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

ทางด้านการเสียชีวิตยังเป็นกลุ่ม 608 และผู้ไม่ฉีดวัคซีนหรือไม่ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และกลุ่มโรคเรื้อรังเป็นกลุ่มที่เสี่ยงป่วยหนักมากที่สุด และกลุ่มอายุ 70 ปีขึ้นไป ยังเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเสียชีวิตมากที่สุด โดยเมื่อเทียบกับช่วงเดลตาระบาดพบว่ามีความใกล้เคียงกัน จึงขอให้บุตรหลานรีบพาผู้สูงอายุไปฉีดวัคซีน เพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่ผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อหายใจ และเสียชีวิต ยังมีตัวเลขเพิ่มขึ้นเป็นไปตามคาดการณ์

โดยได้แนะนำข้อปฏิบัติหลังจากเทศกาลสงกรานต์ คือ สังเกตอาการตนเอง 7 วัน หากมีอาการสงสัยติดเชื้อ ให้ทำการตรวจ ATK // หลีกเลี่ยงพบปะกับผู้คนจำนวนมาก หากต้องพบผู้อื่น ให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา // มาตรการ WFH ให้เป็นไปตามเหมาะสม // โดยเฉพาะผู้ที่ทานข้าวร่วมกับคนอื่น โดยต้องสังเกตตนเองอย่างน้อย 5-7 วัน และถ้าเป็นไปได้ควรแยกทานข้าว เป็นโต๊ะใครโต๊ะมันแทนการร่วมวง

แม้ว่าช่วงนี้ผู้ติดเชื้อเริ่มลดลงแต่ต้องติดตามในช่วง 2-4 สัปดาห์นี้ ว่าสถานการณ์หลังสงกรานต์จะทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ โดยแม้ผลตรวจ ATK เป็นลบก็ยังควรใส่หน้ากากอนามัย และทุกช่วงอายุต้องไปฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขมีการติดตามเรื่องคลัสเตอร์ ยอมรับว่าในช่วงนี้เริ่มมีเข้ามาบ้างแล้วหลังสงกรานต์ เมื่อกลับเข้าไปทำงานตามโรงงาน และสถานประกอบการณ์ต่างๆ แต่ยังเป็นคลัสเตอร์ขนาดเล็กอยู่ ยังไม่พบขนาดใหญ่ จึงแนะนำให้ตรวจ ATK ก่อนทำงาน และสังเกตอาการตนเองว่ามีอาการไข้ ไอ เจ็บคอหรือไม่ ส่วนจะเป็นไปตามฉากทัศน์หรือไม่ ยังต้องอิงตามสถานการณ์อีก 2-4 สัปดาห์ นี้ ว่าจะมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหรือไม่ แต่ตัวเลขตามฉากทัศน์ยังพบว่าลดลง

ขณะที่มาตรการรองรับผู้มีอาการหนัก ได้มีการเพิ่มจำนวนเตียง และให้ผู้ป่วยที่มีอาการดีแล้ว ไปรักษาที่บ้านแทน เพื่อสำรองเตียงให้กลุ่มอาการหนักโดยย้ำว่าตัวเลขยังไม่สูงเท่ากับเดลตาปีที่ผ่านมา แต่ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ แม้การติดเชื้อลดลงแต่ผู้ป่วยปอดอักเสบ และเสียชีวิตยังเพิ่มขึ้นอยู่ จึงต้องเน้นเรื่องการฉีดวัคซีนเพื่อลดความรุนแรง ส่วนสาเหตุที่ทำให้ผู้เสียชีวิตเพิ่มสูงในช่วงนี้ เป็นผลพวงมาจากก่อนสงกรานต์ที่มีการติดเชื้อมาก

ทั้งนี้สำหรับการประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่น ต้องขึ้นอยู่กับปัจจัยสำคัญ คือ การครองเตียง โควิดสายพันธุ์ใหม่ และการติดตามกลุ่มผู้ป่วยอาการหนัก หากเป็นไปตามเป้า ก็จะเข้าสู่โรคประจำถิ่นตามคาดหมายเดิม คือ 1 พ.ค. นี้ ส่วนความคืบหน้าวัคซีนเข้มกระตุ้นในผู้สูงอายุ คงต้องเร่งฉีดหลังสงกรานต์ต่อ เช่นเดียวกับเด็ก และวัยทำงาน เพื่อลดเสี่ยงป่วยหนัก