ก.เกษตรฯ คาดราคาข้าวโพดจะพุ่งแตะกิโลละ 10บาท จากผลกระทบสงคราม

695
0
Share:

นายอัชฌา สุวรรณนิตย์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ (กสส.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าจากสถานการณ์สงครามยูเครนกระทบต่อการส่งออกพืชทดแทน ได้แก่ ข้าวสาลีและที่เมียนมากระทบต่อการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ทำให้ในประเทศขาดแคลนกว่า 3 ล้านตัน ส่งผลให้ราคาข้าวโพดสูงขึ้น เช่น ปลายปีที่ผ่านมาราคาขึ้นไปถึง 8-9 บาท/กก.ระดับความชื้น 15% จากปัญหาเมียนมา เมื่อประกอบกับปัญหาสงครามยูเครนก็คาดว่าจะดึงข้าวโพดขึ้นไปกว่า 10 บาท/กก.

ดังนั้นเชื่อว่าเกษตรกรจะหันมาปลูกข้าวโพดเพิ่มทั้งในฤดูและนอกฤดู จากราคาที่จูงใจ ประกอบกับใช้เวลาในการปลูกเพียง 120 วันเท่านั้น ดังนั้น กสส.จะเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนให้สหกรณ์การเกษตรที่มีธุรกิจรวบรวมข้าวโพดมาช่วยในการรับซื้อและเชื่อมโยงตลาดจากที่ก่อนหน้ากสส.ได้มีงบสนับสนุนการเพิ่มศักยภาพสหกรณ์หรืองบ พ.ร.ก.ฉุกเฉินสถานการณ์โควิด ตามนโยบายของ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ให้มีการปรับปรุง ยุ้งฉาง ลานตาก โกดัง หรือเครื่องอบลดความชื้น เพื่อให้เป็นแก้มลิง และพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพตรงกับความต้องการของตลาด

โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 2 ปี สหกรณ์ฯ ยังคงเดินหน้าส่งเสริมการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนาอย่างต่อเนื่อง เดิมเกษตรกรปลูกข้าวได้กำไร 1,200 บาทต่อไร่ เมื่อเปลี่ยนมาปลูกข้าวโพดทำให้ได้กำไรเพิ่มเป็น 4,170 บาทต่อไร่ กรมฯ จึงได้ส่งเสริมให้มีการขยายผล ปัจจุบันมีสหกรณ์หลายแห่งมองข้าวโพดเป็นพืชทางเลือกใหม่ จึงมีสมาชิกหันมาปลูกข้าวโพดในฤดูแล้งเพิ่มมากขึ้น

ประกอบกับสถานการณ์สงครามทั้งยูเครนและเมียนมากระทบต่อการนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ ทำให้ราคาเพิ่มสูงขึ้น จึงเชื่อว่าจะจูงใจให้เกษตรกรหันมาปลูกข้าวโพดเพิ่มมากขึ้นในอนาคต “เกษตรกรที่ปรับจากการปลูกข้าวนาปรังมาปลูกข้าวโพดหลังนา แม้จะไม่มากหากเปรียบเทียบกับความต้องการในประเทศที่มีประมาณ 8 ล้านตัน ประเทศไทยผลิตได้เพียง 4-5 ล้านตัน ทำให้ข้าวโพดฤดูแล้งสามารถทำรายได้ที่ดีเปรียบเทียบต่อไร่ระหว่างข้าวกับข้าวโพด” นายอัชฌา กล่าว