ข้าราชการหนี้พุ่ง กู้แบงก์-สหกรณ์ทะลุ 5 ล้านล้าน หักจ่ายหนี้จากเงินเดือนให้เหลือไม่น้อยกว่า 30%

221
0
Share:
ข้าราชการ หนี้ พุ่ง กู้แบงก์-สหกรณ์ทะลุ 5 ล้านล้าน หักจ่ายหนี้จากเงินเดือนให้เหลือไม่น้อยกว่า 30%

วันนี้ (15 มี.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานแถลงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินเงินกู้แก่บุคลากรส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐ โดยพบว่า ปัญหาหนี้สินข้าราชการเป็นปัญหาที่มีข้าราชการที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาที่ใหญ่ของประเทศ หากข้าราชการมีหนี้สินล้นพ้นตัวชักหน้าไม่ถึงหลัง ทำงานเท่าไหร่ก็ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาหนี้สินได้เพราะดอกเบี้ยที่พอกพูนขึ้นนั้นอาจเป็นหายนะของประเทศ เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาที่ตาม บางส่วนอาจหันไปหาสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างยาเสพติด หรือทุจริตประพฤติมิชอบ

ตอนนี้มาตรการต่างๆที่นำมาแก้ไขปัญหาเช่นการกำหนดให้มีการหักเงินเดือนข้าราชการให้เหลือไม่น้อยกว่า 30% ของเงินเดือนที่ได้รับเพื่อให้มีเงินในการดำรงชีพได้ รวมทั้งการลดดอกเบี้ยซึ่งก็ต้องขอขอบคุณหน่วยงานที่ช่วยลดดอกเบี้ยลงเพื่อช่วยลดภาระของข้าราชการที่มีการกู้หนี้ยืมสินซึ่งถึงแม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ลดดอกเบี้ยแต่หน่วยงานของท่านก็ลดลงมาซึ่งต้องขอขอบคุณที่ช่วยใส่ใจในเรื่องนี้

นายกฯ ฝากให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เข้ามามีส่วนร่วมในการเชื้อเชิญสหกรณ์ให้เข้ามาอยู่ในระบบเพิ่มขึ้น เพราะทุกวันนี้หนี้สินก็ไม่ได้ลดลง ขอให้พยายามมากขึ้น ตนเองเข้าใจขีดจำกัดการทำงาน แต่ในเมื่อเป็นผู้บริหารระดับสูง เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ต้องพยายามหาแนวทางในการแก้ไขปัญหา ขอให้ทุกคนมีความทะเยอทะยานในการช่วยเหลือประชาชนให้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ หากได้ลงในพื้นที่จะเข้าใจถึงความยากลำบากของพี่น้องประชาชน ต้องช่วยกันแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการหารายได้เพิ่มเติมให้กับประชาชน เรื่องของที่อยู่อาศัยให้อยู่อาศัยได้อย่างสมเกียรติสมศักดิ์ศรี รวมถึงเรื่องของการรักษาพยาบาลต้องให้ได้รับการรักษาพยาบาลที่ดี ซึ่งทั้งหมดถือเป็นองค์ประกอบสำคัญ

ด้าน พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานกรรมการคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย กล่าวรายงานความคืบหน้าภารกิจ การแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการและบุคลากรของรัฐว่า ตามที่นายกรัฐมนตรี แถลงขอความร่วมมือทุกภาคส่วนร่วมกันแก้หนี้ทั้งระบบ ซึ่งขณะนี้มีจำนวนหนี้ครัวเรือนรวมสูงกว่า 16 ล้านล้านบาท และสถานการณ์หนี้เสียในทุกประเภทสินเชื่อกำลังทวีความรุนแรงกำลังส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิตของประชาชนจำนวนมากในขณะนี้ โดยภาพรวมว่า “หนี้สินทั้งนอกระบบ และในระบบ ในภาพใหญ่” ซึ่งแยกเป็นประเภทหนี้ต่างๆ ทั้งบ้าน เช่าซื้อรถยนต์ บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเพื่อการพาณิชย์ สินเชื่อเกษตร หนี้ OD และหนี้อื่นๆ ล้วนมีความซับซ้อน มีความไม่สมดุล และเป็นที่สังเกตได้ว่ามีความไม่เป็นธรรมในเชิงโครงสร้าง จำเป็นต้องขอรับการสนับสนุนอำนาจในการแก้ไขจากฝ่ายบริหารในด้านการจัดการของหน่วยงานนโยบายและหน่วยงานกำกับ ฝ่ายนิติบัญญัติเพื่อแก้ไขกฎหมายที่จำเป็น และฝ่ายตุลาการเพื่อนำมาซึ่งกระบวนการไกล่เกลี่ยและการบังคับคดีที่เหมาะสม

โดยการแก้ไขปัญหาหนี้สินในภาพรวมกำลังดำเนินอยู่ด้วยความยากลำบาก คณะกรรมการกำกับการแก้ไขปัญหาหนี้สินของภาคประชาชน ต้องขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ที่มีข้อสั่งการชัดเจนในการแก้ไขปัญหาหนี้สินของข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหา “หนี้เงินกู้สวัสดิการ ของบุคลากรภาครัฐ” นับเป็นยอดหนี้ที่มีขนาดใหญ่ และมีความสำคัญ แต่ส่วนใหญ่ไม่ปรากฏในรายงานยอดหนี้ของศูนย์ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จากจำนวนบุคลากรภาครัฐจำนวน 3.1 ล้านคน ที่ยังไม่รวมสมาชิกในครอบครัว เป็นลูกหนี้เงินกู้ของสหกรณ์ออมทรัพย์ต่างๆ 1,378 แห่ง จำนวนลูกหนี้รวม 2.8 ล้านคน ซึ่งมีหนี้รวมกว่า 2 ล้านล้านบาท และมีธนาคารที่ให้สินเชื่อในลักษณะสวัสดิการร่วมด้วย อีกอย่างน้อย 3 แห่ง คิดเป็นมูลหนี้รวมกว่า 3.0 ล้านล้านบาท รวมทั้งหมดเป็นหนี้ข้าราชการกว่า 5 ล้านล้านบาท โดยข้าราชการหนึ่งคนมีหนี้เงินกู้จากหลายแหล่ง

ขณะที่ลูกหนี้จำนวนหนึ่งยังคงชำระหนี้แก่สหกรณ์ออมทรัพย์และธนาคารอยู่ แต่ปรากฏว่ามีบุคลากรภาครัฐจำนวนมากและมากขึ้นที่มีรายได้สุทธิหลังหักชำระหนี้ และเงินค่างวดรายเดือนแล้ว มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ และบุคลากรของรัฐจำนวนมากขึ้นๆ ที่กำลังถูกฟ้องร้องดำเนินคดี จนกลายเป็นปัญหาที่รุนแรงต่อเนื่อง จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยเร่งด่วน

ปัจจุบันมีการแก้ปัญหาหนี้สินของบุคลากร ซึ่งปัจจุบันได้ใช้เกณฑ์การแก้ปัญหาหักบัญชีเงินเดือนในส่วนที่เป็นหนี้สินให้เหลือเงินไม่น้อยกว่า 30% แต่ก็ยังมีข้าราชการบางส่วนที่ไม่ได้เป็นหนี้ในระบบเท่านั้นแต่ยังมีหนี้นอกระบบที่มีภาระที่ต้องชำระซึ่งผู้บังคับบัญชาแต่ละแห่งพยายามติดตามแก้ปัญหา และจัดกลุ่มลูกหนี้เป็นสีแดง คือมีปัญหาไม่สามารถชำระหนี้ได้ สีเหลืองสามารถจ่ายหนี้ได้บางส่วน และสีเขียวทยอยชำระหนี้ได้เป็นปกติ ส่วนหนี้สหกรณ์นั้นกรมส่งเสริมสหกรณ์พยายามช่วยเหลือโดยลดดอกเบี้ยเงินกู้ให้เหลือ 4.75% ยืดระยะเวลาชำระหนี้ไปจนถึงอายุ 75 ปี และนำเอาทุนเรือนหุ้นมาลดภาระหนี้ของสมาชิก แต่ก็ยังติดปัญหาที่สหกรณ์ทั่วประเทศยังเข้าร่วมไม่มากนัก