ข้าวถุงแพงอีก! คนไทยอุดรายจ่ายไม่อยู่ ข้าวถุงขึ้นราคาขาย 10-20%

440
0
Share:
ข้าวถุง แพงอีก! คนไทยอุดรายจ่ายไม่อยู่ ข้าวถุงขึ้นราคาขาย 10-20%

นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายข้าวสารบรรจุถุงมียี่ห้อว่าไก่แจ้ กล่าวว่า ขณะนี้ภาพรวมตลาดข้าวถุงมีการปรับราคาขึ้น 10-20% สาเหตุจากต้องเผชิญภาวะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นทั้งราคาปุ๋ยเคมี ที่ได้รับแรงกดดันจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงราคาพลังงานที่พุ่งขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันดีเซลที่มีผลต่อภาคขนส่ง และมาตรการตรึงราคา สิ้นสุดลงเมื่อ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา

ข้าวถุงทั้งตลาดในไทยเพิ่งมีการปรับราคาขึ้น หลังจากช่วง 2 ปีที่เผชิญการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผู้ประกอบการไม่มีการปรับราคาขึ้นมากนัก เนื่องจากโรคโควิด-19 ระบาด และการแข่งขันในตลาดที่สูงมาก ทำให้ผู้ประกอบการพยายามบริหารจัดการต้นทุน เพื่อตรึงราคาไว้ ในปัจจุบัน ตลาดข้าวถุงในประเทศไทยมีมูลค่าประมาณ 40,000-50,000 ล้านบาท มีปริมาณราว 10 ล้านตันต่อปี

อย่างไรก็ตาม การปรับราคาขึ้นล่าสุด ยังไม่เกินเพดานราคาควบคุมโดยกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งราคาข้าวถุงที่ปรับขึ้นแตกต่างกันแล้วแต่ชนิด เช่น ข้าวหอมมะลิมีตั้งแต่ 130-150 ไปจนถึง 200 บาทต่อถุง 5 กิโลกรัม ข้าวขาว 80-100 บาทต่อถุง เป็นต้น

สำหรับปี 2565 เข้าสู่ปีที่ 3 ที่ไทยและทั่วโลกเผชิญวิกฤติโควิด หลายธุรกิจได้รับผลกระทบ แต่ตลาดข้าวถุงเป็นสินค้าจำเป็น ทำให้ตลาดข้าวถุงยังอยู่ในทิศทางที่ดี แม้บางพื้นที่โดยเฉพาะแหล่งที่พึ่งพานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร มีดีมานด์ลดลง และยังไม่ฟื้นตัวก็ตาม
นอกจากนี้ ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อที่ชะลอตัว ส่งผลให้การบริโภคของประชาชนส่วนหนึ่งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมไปซื้อข้าวถุงราคาถูก หรือไม่มีแบรนด์มากขึ้น แต่ผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูง ยังคงเลือกบริโภคข้าวเกรดเอ พิจารณาคุณภาพ และแบรนด์ที่อยู่ในใจเป็นหลัก

นายธีรินทร์ ธัญญวัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สุนทรธัญทรัพย์ จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับแผนธุรกิจข้าวถุงแบรนด์ไก่แจ้ ปี 2565 ให้ความสำคัญในการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมตลาดมากขึ้น จากเดิมบริษัทเป็นเจ้าตลาดในภาคตะวันออก รวมถึงการขยายตลาดต่างประเทศ ผลักดันการเติบโต จากปัจจุบันการส่งออกทำสัดส่วนยอดขาย 25-30% จากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก

ปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายอดขาย 3,000 ล้านบาท จากปีก่อนปิดยอดขายราว 2,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ธุรกิจเผชิญกับภาวะต้นทุนที่สูงขึ้น ทั้งราคาน้ำมัน ปุ๋ยเคมี รวมถึงภาวะเงินเฟ้อ แนวโน้มค่าแรงขั้นต่ำที่จะเพิ่มขึ้น ทำให้ต้องเข้มข้นในการบริหารภายในองค์กร