คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป หรืออีซี เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ และอนุมัติมาตรการตอบโต้สหรัฐอเมริกา มูลค่า 23,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 805,000 ล้านบาท โดยแบ่งออกเป็น 2 รอบ รอบที่หนึ่งจะทำการการเก็บภาษีนำเข้าสินค้านำเข้าจากสหรัฐอเมริกาโดยให้มีผลในวันที่ 15 เมษายน 2025 เป็นต้นไป การอนุมัติในครั้งนี้เป็นการตอบโต้รัฐบาลสหรัฐอเมริกาที่ประกาศมาตรการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 25% กับสินค้าเหล็ก และอลูมิเนียมจากกลุ่มอียู สำหรับมาตรการตอบโต้สหรัฐอเมริการอบที่ 2 จะมีผลในวันที่ 15 พฤษภาคม 2025
กลุ่มสหภาพยุโรปจะประกาศเก็บภาษีเพิ่มขึ้นกับสินค้าเกษตร และอื่นๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วย เพชร ไข่ ไหมขัดฟัน ไส้กรอก หมูเป็ดไก่ สำหรับสินค้าในกลุ่มนี้จะให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่มีผล 15 เมษายน 2025 ในขณะที่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา กลุ่มอีซี เปิดเผยว่า สำหรับสินค้าเกษตรประเภทถั่วอัลมอนด์และถั่วเหลืองให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2025 เป็นต้นไป
กลุ่มอีซี เปิดเผยว่า มาตรการตอบโต้การเก็บภาษีที่มีต่อประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถที่จะยกเลิกได้ตลอดเวลา ถ้าหากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเห็นด้วยการเจรจาที่เป็นธรรม และผลการเจรจาที่สมดุลย์ทั้ง 2 ฝ่าย
นายมาร์คอส เซฟโควิค หัวหน้า คณะกรรมาธิการการค้ากลุ่มอียู เปิดเผยว่า มาตรการภาษีของสหรัฐส่งผลกระทบมูลค่าการส่งออกสินค้ายุโรปไปยังสหรัฐอเมริกาเป็นมูลค่า 380,000 ล้านยูโร หรือ 420,450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 14.72 ล้านล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 70% ของการส่งออกทั้งหมด นั่นหมายถึงมูลค่าภาษีที่มีเพิ่มมากขึ้นกว่า 80,000 ล้านยูโร หรือกว่า 3.06 ล้านล้านบาท คิดเป็น 11 เท่าของรายได้ภาษีศุลกากรที่สหรัฐอเมริกาเก็บจากกลุ่มสหภาพยุโรปในภาวะปกติที่ 7,000 ล้านยูโร หรือกว่า 267,760 ล้านบาท
ทั้งนี้ มาตรการตอบโต้ด้านภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐอเมริกาอาจมีมูลค่าลดลงจากเบื้องต้นที่เคยประเมินว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 26,000 ล้านเหรียญยูโร หรือ 28,450 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 984,370 ล้านบาท เนื่องจากมีการตัดสินค้าบางประเภทออกจากรายการตอบโต้ด้านภาษีได้แก่ ไวน์ สินค้าบริโภครายวัน เช่น นม เป็นต้น