คนงานเมียนมามีรายได้ในไทยสูงกว่าบ้านเกิด 15 เท่า รับในไทยเดือนละ 15,000 บาท
นายวิชิต คุณคงคาพันธ์ หัวหน้าพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ กลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จำกัด หรือ MI GROUP เปิดเผยรายงานวิจัยชื่อว่า ผ่าขุมทรัพย์แรงงานชาวเมียนมาในประเทศไทย ซึ่งสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง 212 คนและสัมภาษณ์เชิงลึก 50 คน พบว่า เหตุผลที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยนั้น มี 88% มีปัญหาทางการเงิน ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้น มุ่งหารายได้เป็นสำคัญ การทำงานในเมืองไทยทำให้มีรายได้ตั้งแต่ 10,000-15,000 บาทต่อเดือน หรือคิดเป็นค่าแรงขั้นต่ำ 500 บาทต่อวัน เมื่อเปรียบเทียบกับเงินเดือนในประเทศเมียนมา จะเห็นชัดเจนว่า รายได้ในไทยคิดเป็น 3-15 เท่าของเงินเดือนในเมียนมาที่ได้รับระหว่างเดือนละ 1,000-5,000 บาท
นอกจากนี้ ชาวเมียนมามีเป้าหมายทำงานในประเทศไทยระหว่าง 3-5 ปี ในแง่ชั่วโมงทำงาน พบว่าจะทำงานล่วงเวลามากกว่า 10 ชั่วโมงต่อวัน หรือมากกว่านั้น และทำงานอย่างน้อย 6 วันต่อสัปดาห์ เมื่อเปรียบเทียบกับแรงงานคนไทย พบว่า ทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันและทำงาน 5 วันต่อสัปดาห์ ในด้าน 5 อาชีพที่ชาวเมียนมาทำงานมากที่สุดไปหาน้อยที่สุด ได้แก่ 39% พนักงานโรงงาน อันดับ 2 มี 18% ภาคก่อสร้าง อันดับ 3 มี 15% พนักงานขาย อันดับ 4 มี 11% เกษตรกร และอันดับสุดท้ายมี 9% รับจ้างทั่วไป
กลุ่มตัวอย่างราว 56% ยอมรับว่า รู้สึกพอใจในการใช้ชีวิตในประเทศไทยในระดับปานกลาง เพราะต้องทำงานหาเงินเพื่อเก็บออม ทำให้ชีวิตแต่ละวันมีแต่การทำงาน
หัวหน้าพัฒนาธุรกิจระหว่างประเทศ กลุ่มบริษัท มีเดีย อินเทลลิเจนซ์ จำกัด เปิดเผยต่อไปว่า แรงงานเมียนมาที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยจะเป็น ผู้ชายมากกว่าผู้หญิง มีอายุเฉลี่ย 25-34 ปี ด้วยเป้าหมายทำงานเก็บเงินเพื่อกลับไปตั้งตัวและใช้ชีวิตที่ประเทศเมียนมา ขณะที่แรงงานดังกล่าวแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก โดยแต่ละกลุ่มมีความต้องการใช้สินค้าและบริการที่แตกต่างกัน ดังนี้
กลุ่มตั้งหลัก คือ เพิ่งเริ่มต้นชีวิตในประเทศไทย สิ่งที่ต้องการเป็นซิมการ์ด ที่อยู่อาศัย เครื่องแต่งกาย ของใช้ส่วนตัว เครื่องสำอาง กลุ่มตั้งตัว คือ แรงงานที่ทำงานแล้ว ต้องการใบอนุญาตทำงาน บัญชีเงินฝาก ซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าหม้อหุงข้าว พัดลม โทรศัพท์ราคา 4,000-13,000 บาท เสื้อผ้าแฟชั่น สกินแคร์ สินค้าทั่วไป ที่สำคัญกลุ่มนี้ซื้อทองราคา 16,000 – 80,000 บาทเพื่อออมเงิน และกลุ่มตั้งใจ เน้นการติดต่อครอบครัวเพื่อโอนเงินข้ามประเทศและเตรียมตัวกลับบ้าน สิ่งที่ต้องการยา อาหารเสริม รังนก เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า สบู่ ผงซักฟอก ทีวี หม้อหุงข้าว พัดลม และทอง ทั้งนี้เพื่อเก็บเงินให้ได้ตามเป้าหมาย แรงงานเมียนมาออมเงินได้ถึง 44% หรือเกือบครึ่งของรายรับ และเป็นเงินที่ส่งกลับบ้าน 2 ใน 3 เพื่อให้ครอบครัว โดยโอนผ่านนายหน้า จะเหลือเงินเก็บที่ตัวเองแค่ 1 ใน 3
ด้านรายจ่ายของแรงงานเมียนมาในประเทศไทย พบว่า เป็นค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน 37% เช่น ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าที่อยู่อาศัย 16% เช่น ค่าเช่าอพาร์ตเม้นต์ ห้องแถว ส่วนใหญ่อาศัย 1-3 คนต่อห้อง ค่าโทรศัพท์ 3% ตกเฉลี่ยเดือนละ 200 บาท โดยจะเน้นใช้อินเตอร์เน็ตเพื่อดูหนัง ละคร ข่าวสาร ฟังเพลง ในแง่การซื้อสินค้าออนไลน์จะซื้อผ่านลาซาด้าเป็นอันดับหนึ่ง อันดับต่อมา คือ เฟซบุ๊ก ช้อปปี้ ติ๊กต็อก ตามลำดับ และวันหยุดจะเล่นอินเตอร์เน็ต เดินซื้ออาหาร สินค้าของเมียนมาที่ตลาดนัดจตุจักร ซื้อเสื้อผ้าแพลตตินั่ม
ทั้งนี้ แรงงานเมียนมาในประเทศไทยได้รับการประเมินว่ามีเป็นจำนวน 6.8 ล้านคน อาศัยกระจายอยู่ตามชายแดนและพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ในจำนวนนี้ได้รับการลงทะเบียนกว่า 1.85 ล้านคน หรือคิดเป็น 67% ของจำนวนแรงงานข้ามชาติที่ลงทะเบียนทั้งหมดมีทั้งสิ้นกว่า 2.76 ล้านคน
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการธุรกิจในไทยสามารถนำข้อมูลนำไปปรับใช้พัฒนาสินค้าและบริการที่สอดรับกับความต้องการและพฤติกรรมการจับจ่ายของกลุ่มแรงงานเมียนมาที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจตั้งแต่ 828,000 ล้านบาท ถึง 1,242,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนแรงงานที่เข้ามาอยู่ในไทยเพิ่มมากขึ้น