คนรวยส่อวืดเงินดิจิทัล 1 หมื่น จ่อคัด 3 กลุ่มเงินเข้ากระเป๋า นายกฯ ย้ำจ่ายงวดเดียวจบ

178
0
Share:
คนรวยส่อวืด เงินดิจิทัล 1 หมื่น จ่อคัด 3 กลุ่มเงินเข้ากระเป๋า นายกฯ ย้ำจ่ายงวดเดียวจบ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการประชุมพิจารณาข้อสรุปการแจกเงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ว่าจะประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่เมื่อไหร่ว่า ยังไม่ทราบ ต้องถามนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อถามว่าได้มีการกำหนดไทม์ไลน์ไว้หรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้บอกว่ากลับจากต่างประเทศแล้วจะมีการพิจารณา นายเศรษฐากล่าวว่า เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม ได้มีการคุยเบื้องต้น ทีมงานได้คุยกับทางผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อจะหาวิธีการปรับแต่งเติมตามที่ทุกภาคส่วนได้มีคำเสนอให้มา ต้องขอเจอก่อน

ส่วนจะมีการปรับเงื่อนไขและต้องอธิบายให้ได้ ในส่วนที่บอกว่าคนรวยไม่ควรจะต้องได้รับเงินตรงนี้ หรือไม่นั้น นายเศรษฐากล่าวว่า ใครจะบอกว่าใครคือคนรวย และคนรวยคือใคร เรื่องนี้รับฟังอยู่แล้วว่าจะมีการปรับตรงนี้ กำลังจะหาคำจำกัดความที่เหมาะสมและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายว่า คำว่าคนรวยคืออะไร และน้อมรับคำแนะนำของผู้ว่าการ ธปท.อยู่แล้วว่าควรที่เจาะจงมากขึ้น บางภาคส่วนที่ไม่เดือดร้อนจะไม่ต้องรับตรงนี้ ต้องรับฟังความเห็น

ขณะที่ข้อเสนอให้รัฐบาลทบทวนเรื่องการจ่ายเป็น 3 งวด ดีกว่าจ่ายงวดเดียวนั้น นายกฯ กล่าวว่า พิจารณาแล้ว แต่คงจะไม่เอา คงจ่ายรวดเดียว เพราะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเม็ดเงินใหญ่ จะได้ทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริง

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยหลังการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตว่า ที่ประชุมมีข้อสรุปชัดเจนในหลายประเด็นแล้ว แต่ในบางประเด็นยังมีข้อขัดแย้ง ซึ่งจะเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ ซึ่งมีนายเศรษฐา เป็นประธาน สรุปรายละเอียดอีกครั้งในสัปดาห์หน้า และนัดวันประชุมอีกครั้ง ที่ยังไม่ชัดเจนว่าวันใด โดยมติที่ยังมีความเห็นไม่ตรงกันนั้น ได้แก่ กลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับสิทธิเงินดิจิทัล 10,000 บาท โดยมีข้อเสนอแนะในการกำหนดกลุ่มผู้ที่จะได้รับสิทธิ ซึ่งต้องการให้ตัดกลุ่มคนรวยออก คณะกรรมการก็รับฟังและมีการปฏิบัติตาม โดยมีความเห็น 3 แนวทาง

คือ 1.จ่ายเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 15-16 ล้านคน ใช้งบประมาณ 1.6 แสนล้านบาท 2.พิจารณาให้ตัดกลุ่มคนที่มีความพร้อมทางสังคม มีรายได้เดือนละ 25,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชี 1 แสนบาท จะเหลือผู้ที่ได้รับสิทธิ 43 ล้านคน ใช้งบประมาณ 4.3 แสนล้านบาท และ 3.พิจารณาตัดผู้ที่มีรายได้เกินเดือนละ 50,000 บาท หรือมีเงินฝากในบัญชี 5 แสนบาท จะเหลือผู้ได้รับสิทธิ 49 ล้านคน ใช้งบประมาณ 4.9 แสนล้านบาท โดยจะเสนอให้คณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณา

รวมทั้ง เรื่องของแหล่งเงินยังคงยืนยันว่าจะใช้เงินจากงบประมาณแผ่นดินเป็นหลัก คือใช้เงินในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณแผ่นดินประจำปี และดำเนินการเป็นลักษณะของงบผูกพัน โดยตั้งระยะเวลาโครงการเงินดิจิทัลไว้ราว 4 ปี ใช้เงินงบประมาณปีละ 100,000 ล้านบาท ทำให้อาจต้องมีการชะลอการขึ้นเงินของร้านค้าบ้าง โดยใช้วิธีการจูงใจในร้านค้ายังคงอยู่ในระบบต่อเนื่องตลอดโครงการ ยิ่งใครอยู่นานก็จะยิ่งมีสิทธิประโยชน์ ซึ่งจะมีการพิจารณารายละเอียดการจูงใจให้ร้านค้าในอยู่ระบบต่อไป

“ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินงานในช่วงเริ่มต้นของโครงการที่จะใช้ พ.ร.บ.งบประมาณปี 2567 นั้น อาจจะให้โครงการเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาท ดำเนินการได้ล่าช้า ตามที่ร่าง พ.ร.บ.มีความล่าช้าไป 8 เดือนตามปฏิทินงบประมาณที่จะต้องเริ่มเดือนตุลาคม 2566 จึงเป็นไปได้ว่าโครงการเติมเงินดิจิทัลจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2567 อย่างไรก็ดี จะเร่งการดำเนินให้เร็วที่สุด ตามไทม์ไลน์เดิม” นายจุลพันธ์กล่าว