คนรุ่นเจน Z ใช้เน็ตเกิน 12 ชั่วโมง/วัน ทำงานออนไลน์สะท้อนความไม่มั่นคงในการงาน

478
0
Share:
อินเทอร์เน็ต

นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) หรือ ETDA (เอ็ตด้า) กล่าวว่า ETDA ดำเนินการสำรวจพฤติกรรมผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศไทยต่อเนื่องเป็นปีที่ 9 โดยในปี 2564 นี้ ETDA ได้ทำการสำรวจ โดยการเก็บข้อมูลผ่านแบบสอบถามทางออนไลน์กับกลุ่มตัวอย่าง 44,545 คน ช่วงเดือนเมษายน – มิถุนายน 2564 มีดังนี้

เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 จึงทำให้ปีนี้เป็นปีแรกที่คนกลุ่มเจน Z (อายุน้อยกว่า 21 ปี) ทุบสถิติใช้งานอินเทอร์เน็ตมากที่สุด เฉลี่ยวันละ 12 ชั่วโมง 5 นาที ชนะกลุ่มเจน Y (อายุ 21-40 ปี) อดีตแชมป์ 6 สมัยที่ใช้อินเทอร์เน็ตสูงที่สุด ซึ่งที่ปีนี้ เจน Y ใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 11 ชั่วโมง 52 นาที ส่วนคนเจน X (อายุ 41-56 ปี) ใช้เฉลี่ยวันละ 9 ชั่วโมง 12 นาที และปิดท้ายด้วย Baby Boomer (อายุ 57-75 ปี) ใช้น้อยที่สุด เฉลี่ยวันละ 6 ชั่วโมง 21 นาที ตามลำดับ

สำหรับกิจกรรมออนไลน์ที่กลุ่มเจน Z ใช้เวลากับอินเทอร์เน็ตมากที่สุด คือ เรียนออนไลน์ เฉลี่ยวันละ 5 ชั่วโมง 23 นาที รองลงมาคือ  ดูรายการโทรทัศน์ ดูคลิป ดูหนัง ฟังเพลงออนไลน์ เฉลี่ยวันละ 4 ชั่วโมง 11 นาที และติดต่อสื่อสารออนไลน์ เฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมง 39 นาที ตามลำดับ

ในภาพรวมพบว่า ผู้ตอบแบบสอบสำรวจฯ ส่วนใหญ่มีการใช้อินเทอร์เน็ต เฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง 36 นาที โดยวันทำการที่ต้องเรียนหรือทำงาน จะใช้อินเทอร์เน็ตเฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง 55 นาที มากกว่าวันหยุดที่ใช้ 9 ชั่วโมง 49 นาที โดยกิจกรรมออนไลน์ที่นิยมทำมากที่สุด 10 อันดับแรก คือ การติดต่อสื่อสาร สูงถึง 77.0% อาจเพราะช่วงที่ผ่านมาหลายองค์กรต่างมีมาตรการให้พนักงานทำงานที่บ้าน (Work from Home) และเรียนออนไลน์ เกือบ 100% จึงทำให้การสื่อสารอยู่ในรูปแบบออนไลน์มากขึ้น และรองลงมาคือ กิจกรรมดูรายการโทรทัศน์ ดูคลิป ดูหนัง ฟังเพลงออนไลน์  62.4% และเพื่อค้นหาข้อมูลออนไลน์ 60.1% ในขณะที่ลำดับถัดๆ ไป จะมีในส่วนของอ่านข่าว บทความ หรือหนังสือ 54.2% ซื้อสินค้า บริการ 47.7% รับ-ส่งอีเมล 45.0% และทำธุรกรรมทางการเงิน 41.7%

ในส่วนกิจกรรมใหม่ๆที่ใช้งานด้วยอินเตอร์เน็ตที่ติดอันดับ Top 10 ในครั้งนี้ คือ การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการช่วยเรื่องการออกกำลังกาย ติดตาม ประเมินเกี่ยวกับสุขภาพ 34.8% การสั่ง Food Delivery 34.1% และการเข้าร่วมกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน 32.7% ตามลำดับ ส่วนปัญหาในการใช้อินเทอร์เน็ตที่พบส่วนใหญ่มักเป็นประเด็นที่เคยพบเจอในช่วงที่ผ่านมา โดย 5 อันดับแรกที่พบมากที่สุด คือ ความล่าช้าในการเชื่อมต่อหรือใช้อินเทอร์เน็ต 70.1% ปริมาณโฆษณาออนไลน์ที่มารบกวน 65.2% ความไม่มั่นใจว่าข้อมูลที่ปรากฏบนอินเทอร์เน็ตเชื่อถือได้หรือไม่ 38.0% การให้บริการอินเทอร์เน็ตยังไม่ทั่วถึง 37.1% และการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตยากหรือหลุดบ่อย 26.9%

ด้านพฤติกรรมการช้อปปิ้งออนไลน์ พบว่าช่องทางที่ผู้ซื้อนิยมซื้อสินค้า/บริการออนไลน์มากที่สุด คือ ผ่านแพลตฟอร์ม e-Marketplace สูงสุดจะเป็น Shopee 89.7% รองลงมาคือ Lazada 74.0% และ Facebook 61.2% โดยผู้ซื้อส่วนใหญ่เลือกแพลตฟอร์มจากการที่สินค้ามีราคาถูก คุ้มค่ากับการซื้อ แพลตฟอร์มใช้งานง่าย สินค้ามีความหลากหลาย ผู้ซื้อมีความเชื่อมั่นในระบบชำระเงินของแพลตฟอร์ม รวมถึงการมีโปรโมชันในช่วงวันสำคัญต่างๆ ในแต่ละเดือนอย่างต่อเนื่อง ส่วนช่องทางที่ผู้ขายนิยมขายสินค้าผ่าน Social Commerce มากที่สุด คือ  Facebook 65.5% รองลงมาคือ Shopee 57.5% และ LINE 32.1% โดยผู้ขายส่วนใหญ่ให้เหตผุลว่าเลือกแพลตฟอร์มจากการที่แพลตฟอร์มใช้งานง่าย มีชื่อเสียง สามารถทำการตลาดได้ตรงตามวัตถุประสงค์/ตรงกลุ่มเป้าหมาย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการถูก และมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย เป็นต้น

ผลสำรวจในครั้งนี้ ยังพบว่าสิ่งที่คนกังวลมากที่สุดในการทำงานออนไลน์ คือ รู้สึกไม่มั่นคงในหน้าที่การงาน 38.6% กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นจากการทำงานที่บ้าน 37.5% รู้สึกอึดอัด และทำงานยากขึ้น เนื่องจากขาดอุปกรณ์ที่จำเป็น หรือการติดต่อสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร 29.2% มีความกังวลกับวิถี/รูปแบบทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ทั้งในระดับพนักงานและระดับองค์กร 27.0% และสุดท้ายคือมีความเครียดที่ไม่สามารถแบ่งเวลาในการทำงานกับเวลาส่วนตัวได้เนื่องจากมีสิ่งรบกวนระหว่างการทำงาน 25.5%

ส่วนประเด็นที่คนกังวลมากที่สุดในกลุ่มที่มีการเรียนผ่านออนไลน์ คือ กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย เนื่องจากเรียนในที่ที่ไม่ใช่สถานศึกษา 36.2% มีความรู้สึกอึดอัดและทำงานส่งได้ยากขึ้น เพราะขาดอุปกรณ์บางอย่างที่จำเป็นต้องใช้ในการเรียน 30.8%  มีความกังวลกับวิถีรูปแบบการเรียนที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม 29.3% คิดว่ารูปแบบการเรียนการสอนของหลักสูตรที่เรียน ยังไม่ตอบโจทย์รูปแบบการเรียนออนไลน์ 27.8% และมีความกังวลเรื่องความผิดพลาด ความคลาดเคลื่อนที่อาจจะเกิดจากการสื่อสาร 27.6% แม้จะมีสิ่งที่กังวลแต่จากการสอบถามความพึงพอใจ กลับพบว่า ส่วนใหญ่พึงพอใจมากถึงมากที่สุดกับการทำงานและการเรียนวิถีใหม่ สิ่งเหล่านี้เป็นการสะท้อนความคิดเห็นและวิธีคิดของคนในยุคปัจจุบันและเป็นประโยชน์ในการวางแผนในมิติต่างๆ เพื่อหาแนวทางเพื่อรองรับวิถีของผู้บริโภคในยุคดิจิทัลต่อไป

นอกจากนี้ มีประเด็น Hot Issue เกี่ยวกับกิจกรรมออนไลน์ที่มีแนวโน้มจะกลายเป็น New Normal สูงที่สุด 10 อันดับแรก ซึ่งถือเป็นกิจกรรมออนไลน์ที่จะมีการทำอย่างต่อเนื่องแม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะลดลงแล้วก็ตาม คือ การซื้อขายสินทรัพย์เพื่อการลงทุนออนไลน์, การชำระค่าสาธารณูปโภคออนไลน์, การทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างบุคคล เช่น โอน ให้ยืมเงิน, การชำระค่าสินค้า บริการออนไลน์, การอ่านโพสต์ ข่าว บทความ หนังสือออนไลน์ (e-Book), การโอนเงิน บริจาคเงินออนไลน์ (e-Donation), การใช้บริการภาครัฐออนไลน์, การขายอาหารเครื่องดื่มออนไลน์, การค้นหาข้อมูลโดยการสั่งการด้วยเสียงผ่านอุปกรณ์ (Voice Command) และการเข้าร่วมกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน เป็นต้น