คนไทยตกหลุมหนี้เสียกระฉูดอีก 1 ล้านคน ยอดหนี้เสียคนไทยพุ่งอีก 100%

ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ เปิดเผยรายงานเสถียรภาพระบบการเงินไทยรายไตรมาสที่ 3 ประจำปี 2565 พบว่า สถานการณ์หนี้ครัวเรือนไทยโดยเฉพาะในช่วงโรคระบาดโควิด-19 ที่พบว่า แม้คุณภาพสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์จะปรับตัวดีขึ้นในทุกพอร์ต แต่ปรากฏว่า ยังมีลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด-19 ในทุกประเภทสถาบันการเงินที่ยังเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง

จากข้อมูลของแบงก์ชาติ พบว่าลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสีย หรือหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) โดยมียอดชำระหนี้ค้างเกิน 90 วัน ซึ่งได้มีการจัดกลุ่มเฉพาะลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไม่ปกติซึ่งมีสาเหตุมาจากโรคระบาดโควิด-19 มีรหัสเรียกว่า “รหัส21” นั้น มีจำนวนลูกหนึ้ในกลุ่มนี้เร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นทั้งจำนวน ลูกหนี้ จำนวนบัญชี และยอดสินเชื่อคงค้างของหนี้เสียในปี 2565

นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 ที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน พบว่ามีลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียจากโรคระบาดโควิด-19 เพียง 1.9 ล้านคน และเพิ่มขึ้นมาเป็น 2.1 ล้านคนในช่วงไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ก่อนปรับตัวเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดในช่วงมิถุนายนที่ผ่านไปเพิ่มเป็น 2.9 ล้านคน ด้านจำนวนบัญชีที่เป็นหนี้เสีย พบว่าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากเดิมอยู่ที่ 2.3 ล้านบัญชีในช่วงเดือนมกราคม 2565 พุ่งทะยานมาเป็น 2.7 ล้านบัญชี และ 4.3 ล้านบัญชี

ในเวลาเดียวกัน มูลค่าหนี้เสียคงค้างของลูกหนี้ในกลุ่มนี้อยู่ที่ 200,000 ล้านบาทในเดือนมกราคมที่ผ่านมา และมีมูลค่าหนี้เพิ่มขึ้นเป็น 220,000 ล้านบาทในไตรมาสแรก สิ่งสำคัญ คือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาแตะระดับ 400,000 ล้านบาทเมื่อสิ้นไตรมาส 2 ที่ผ่านมา

สาเหตุจากธุรกิจจำนวนมากต้องปิดตัวจากทั้งผลกระทบโดยตรงของโรคระบาดโควิด-19 และมาตรการจำกัดควบคุมโรคระบาดดังกล่าวด้วย ทำให้มีลูกหนี้จำนวนมากที่ต้องตกอยู่ในภาวะชักหน้าไม่ถึงหลัง จากรายได้ที่ยังไม่กลับมาสู่ภาวะปกติ เริ่มมีปัญหาชำระหนี้