คนไทยโอน-จ่ายบนมือถือเฉลี่ยวันละ 3 รอบ ยอดใช้ทั้งปีนี้พุ่งกว่า 80% รับระบาดรอบ 3

662
0
Share:

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้การทำธุรกรรมผ่าน Mobile Banking และ e-Wallet เติบโตเร่งสูงขึ้น โดยจากผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยพบว่า ผู้บริโภคไทยมีการโอนเงินและชำระค่าสินค้าและบริการผ่าน Mobile banking และ e-Wallet อยู่ที่ 19 ครั้งต่อสัปดาห์ สูงกว่าการใช้งานในช่วงการระบาดระลอกแรกที่มีอัตราการใช้งานอยู่ที่ 17 ครั้งต่อสัปดาห์ ขณะที่มีผู้บริโภคกว่า 53.9% มีการใช้งานเพิ่มมากขึ้น ซึ่งมาจากผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้ที่จำกัด ยอดการซื้อต่อครั้งเพิ่มขึ้นจากผลสำรวจครั้งก่อน 350 บาท เน้นการใช้จ่ายอาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภค และสินค้าแฟชั่น เหมือนผลสำรวจครั้งก่อน

.

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด ปี 2564 ปริมาณการทำธุรกรรมโอนเงินและชำระเงินผ่าน Mobile Banking จะขยายตัวราว 80.2%–83.5% เร่งขึ้นจากปี 2563 ที่ 79.7% เช่นเดียวกับปริมาณธุรกรรมผ่าน e-Money ที่คาดว่าจะเติบโตราว 15.8%–18.0% สูงกว่าปี 2563 ที่ 8.7%

ทั้งนี้ ปริมาณการทำธุรกรรมผ่าน e-Money ที่เร่งตัวขึ้นน่าจะมีแรงผลักดันหลักจากการใช้ G-Wallet (เป๋าตัง) จากโครงการของรัฐ รวมถึงได้รับแรงผลักดันจากผู้ประกอบการรายใหม่ที่เข้ามาทำการตลาดมากขึ้น

.

ผลสำรวจชี้ ปัจจุบันผู้บริโภคราว 71.3% ถือ Mobile Banking ขณะที่ถือ e-Wallet 28.6% แต่ในอนาคตผู้ให้บริการอาจต้องเผชิญกับความท้าทายอีกมาก เนื่องจากผู้บริโภคพร้อมที่จะเปลี่ยนแอปพลิเคชันใช้งานหากมีแรงจูงใจที่ดี ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทยที่พบว่า ปัจจัย 3 อันดับแรกที่ทำให้มีการใช้ e-Wallet คือ ความสะดวกสบาย (34.4%) มีโปรโมชั่นที่จูงใจ (16.9%) มีร้านค้าที่ร่วมบริการรับชำระค่าสินค้าและบริการที่หลากหลาย (16.2%) ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคส่วนใหญ่ราว 32.3% มี Mobile Banking และ e-Wallet มากกว่า 5 แอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ให้บริการอาจต้องเผชิญความท้าทายในการรักษาฐานลูกค้า และจูงใจให้ลูกค้าใช้งานต่อเนื่อง นอกจากนี้ หากทางการไทยสามารถเข้ามาดูแลกิจกรรมบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ก็อาจมีผลต่อทิศทางหรือรูปแบบการชำระเงินเช่นกัน