ครบ 1 เดือน! ก้าวไกลแจงทำอะไรบ้างใน 1 เดือนหลังประชาชนเลือกเป็นพรรคอันดับ 1

173
0
Share:
ครบ 1 เดือน! ก้าวไกล แจงทำอะไรบ้างใน 1 เดือนหลังประชาชนเลือกเป็นพรรคอันดับ 1

พรรคก้าวไกลโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการทำงานของ ส.ส.พรรคก้าวไกลในเวลาครบ 1 เดือนหลังสิ้นสุดวันเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 14 มิถุนายนผ่านมา มีดังนี้

ว่าที่ ส.ส.’ ก้าวไกลเดินหน้าทำงานเปลี่ยนประเทศมาแล้ว 1 เดือน วันนี้ 14 มิถุนายน 2566 คือวันครบรอบ 1 เดือนของการเลือกตั้งที่ประชาชนทั้งประเทศ มอบอำนาจและความไว้วางใจให้พรรคก้าวไกลมากเป็นอันดับ 1 ถึง 14,438,851 เสียง ผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขต 112 คน และผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ 39 คน ทำให้พรรคก้าวไกลกลายเป็นพรรคอันดับหนึ่ง

พวกเรามีความฝันร่วมกันที่จะเปลี่ยนประเทศนี้ให้ดีขึ้น พวกเราเชื่อว่าโครงสร้างทางอำนาจ วิธีการบริหารประเทศ และผู้บริหารแบบเดิมไม่สามารถสร้างอนาคตให้กับประเทศนี้ได้

ตลอด 1 เดือนหลังการเลือกตั้ง ถึงแม้ว่า กกต. จะยังไม่รับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ว่าที่ ส.ส.พรรคก้าวไกลทุกคน ต่างเดินหน้าแข็งขันเพื่อเปลี่ยนประเทศ ตั้งแต่การแก้ปัญหาระดับพื้นฐานที่สุดในพื้นที่ การพบพูดคุยกับผู้คนกลุ่มคนต่างๆ เพื่อแสวงหาฉันทามติในการผลักดันนโยบาย และการทำงานศึกษานโยบายและการทำงานที่ผ่านมาของหน่วยงานเพื่อเปลี่ยนประเทศ

พวกเราทำอะไรไปแล้วบ้าง?

(1) ทันทีที่เราได้รับความไว้วางใจจากประชาชน พรรคก้าวไกลได้ประชุมอดีตพรรคร่วมฝ่ายค้านทั้งหมดที่มีจุดยืนต่อต้านอำนาจเผด็จการเพื่อจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ทำให้มีจำนวนเสียง ส.ส. ในสภา 313 เสียง ซึ่งเป็นเสียงข้างมากเด็ดขาด

(2) พวกเราได้จัดประชุมเพื่อลงนามใน MOU หรือข้อตกลงร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งประกอบไปด้วย 23 วาระที่สำคัญ เช่น การผลักดันกระจายอำนาจ สมรสเท่าเทียม การฟื้นฟูเศรษฐกิจ การสร้างสวัสดิการประชาชน รวมทั้งยังได้ตกลงที่จะปฏิบัติตามแนวทางอีก 5 ข้อ เพื่อสร้างการบริหารประเทศที่ดี

(3) พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลยังได้เดินหน้า ตั้งคณะกรรมการเปลี่ยนผ่านอำนาจรัฐบาล (Transition Team) ขึ้นมา เพื่อศึกษาและขับเคลื่อนนโยบายในระหว่างการรอการรับรองผลการเลือกตั้งและจัดตั้งรัฐบาล

(4) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เดินหน้าพบตัวแทนผู้คนกลุ่มต่างๆ ในสังคม เพื่อหาฉันทามติร่วมกันในการผลักดันนโยบายการบริหารประเทศ กลุ่มคนที่พวกเราไปพบมาแล้วประกอบด้วย

– ตัวแทนจาก World Economic Forum เพื่อสร้างความร่วมมือ รวมทั้งพูดคุยถึงความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมการประชุมประจำปี Davos World Economic Forum ที่ผู้นำประเทศ นักธุรกิจ นักวิชาการ ตลอดจนผู้นำกิจกรรมจากประเทศต่างๆ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับทิศทางของเศรษฐกิจโลก และความท้าทายต่างๆ ที่นานาชาติต้องเผชิญ

– เข้าพบสภาอุตสาหกรรม เพื่อรับฟังข้อเสนอนโยบายจากภาคอุตสาหกรรมพร้อมทั้งรับฟังปัญหา อุปสรรค และข้อกังวลของตัวแทนภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะนโยบายด้านการเพิ่มผลิตภาพ ความโปร่งใส และค่าแรง

– พูดคุยกับสภาอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ (Young FTI) เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งปัญหาอุปสรรคจากภาครัฐที่นักธุรกิจต้องเผชิญ

– พูดคุยกับกลุ่มกลุ่มสุราพื้นบ้าน-คราฟต์เบียร์ ที่ฝากความหวังการผลักดันสุราก้าวหน้าให้สำเร็จ สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจทั่วประเทศ

– เข้าพูดคุยกับตัวแทน 45 สหภาพแรงงาน เพื่อรับฟังข้อเสนอเพิ่มเติมและตอบคำถามนโยบาย ในการเชื่อมต่อให้เกิดการทำงานร่วมกันหลังจากนี้

– เข้าพบสภาหอการค้าไทย เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองด้านเศรษฐกิจ และยืนยันกับกลุ่มธุรกิจว่าโมเดลการพัฒนาประเทศแบบเดิมไม่สามารถพาประเทศไทยไปไกลกว่านี้ได้

– ประชุมร่วมกับ 3 สมาคมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศไทย เพื่อยืนยันหลักการของนโยบายกระจายอำนาจ ว่าจะดำเนินไปอย่างแน่นอน 3 ขั้นตอน คือ ยกเลิกระเบียบมหาดไทยที่ไม่ให้อิสระท้องถิ่น, ทำประชามติเลือกตั้งผู้ว่าฯ และ ถ่ายโอนงาน-เงิน-คน ให้ท้องถิ่นให้ได้ปีละ 200,000 ล้านบาท

– เข้าร่วมกิจกรรม Pride Month ยืนยันเดินหน้าสมรสเท่าเทียมให้ผ่านสภาทันทีภายใน 100 วัน ภายหลังเป็นรัฐบาล และจะผลักดันนโยบายเพื่อความเท่าเทียมทางเพศอื่นให้เกิดขึ้น

– ประชุมร่วมกับผู้ว่าฯ กทม. เพื่อลดช่องว่างการทำงานร่วมกัน ระหว่างรัฐบาลกลางและกรุงเทพฯ รวมถึงกระชับการทำงานระหว่างกันให้ใกล้ชิดขึ้นในฐานะที่พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ครองเสียงข้างใน กทม.

– เข้าหารือแนวทางป้องกันปราบปรามการทุจริตกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ACT) พร้อมยืนยันนโยบายที่จะสร้างความโร่งใสใน 100 วัน และตั้งเป้าว่าดัชนีคอร์รัปชันต้องดีขึ้นภายในรัฐบาลก้าวไกล

– เข้าพบสมาพันธ์ SME เพื่อรับฟังข้อเสนอแนะทางนโยบาย ในการผลักดันให้ SME มีสภา SME ของตนเองแบบเดียวกับบริษัทใหญ่มีสภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร และสภาตลาดทุน

(5) นอกจากพิธาแล้ว ว่าที่ ส.ส. พรรคก้าวไกล เดินหน้าทำงานเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น
– ‘วิโรจน์’ รับหนังสือและเอกสารหลักฐานเรื่องร้องเรียน “ส่วยทางหลวง” จาก สหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของผู้ประกอบการและสมาคมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งจำนวน 10 สมาคมทั่วประเทศ ซึ่งนำไปสู่การสั่งย้ายข้าราชการและสืบสวนข้อเท็จจริง

– ‘ปกรณ์วุฒิ’ รับหนังสือจากตัวแทนผู้ประกอบการธุรกิจกลางคืน ที่ฝากความหวังแก้ปัญหาส่วย และการแก้ไขกฎหมายให้ทันสมัย

– ‘กรุณพล’ เปิดเผยข้อมูลการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่เหมาะสมของกรมการข้าว

– ด้านเครือข่ายผู้ใช้แรงงานพรรคก้าวไกล นำโดย ‘เซีย จำปาทอง’ ประกาศพร้อมยื่นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ทันทีเมื่อเปิดสภาฯ ชุดใหม่ เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนทำงาน พร้อมกับเชิญชวนประชาชนแสดงความคิดเห็นเพื่อปรับปรุงกฎหมายสหภาพแรงงาน เพื่อให้แรงงานมีอำนาจสมดุลกับผู้จ้างงาน มีสิทธิการรวมตัวและนัดหยุดงานตามหลักสากล สอดคล้องกับอนุสัญญาองค์การแรงงานฉบับที่ 87 และ 98

– ส.ส. เขต ทั้ง 112 คน ที่เดินหน้าสำรวจปัญหาในพื้นที่และประสานงานกับส่วนราชการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชน

คนที่กำหนดการทำงานของพรรคก้าวไกลคือประชาชน ไม่ใช่ กกต. หรือผู้มีอำนาจคนใด แต่ยิ่งมีการรับรองว่าที่ ส.ส. ได้เร็วเท่าไหร่ พวกเราจะสามารถเข้าสู่อำนาจรัฐเพื่อเข้าไปเปลี่ยนแปลงได้เร็วขึ้นเท่านั้นใน, รัฐบาลก้าวไกล ประเทศไทยต้องไม่เหมือนเดิม