ครม.อนุมัติ ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นักแสดงต่างชาติที่มาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย 5 ปี

288
0
Share:
ครม.อนุมัติ ยกเว้น ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา นักแสดงต่างชาติ ที่มาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย 5 ปี

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ว่า ที่ประชุม ครม. มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงฉบับที่.. (พ.ศ.)…. ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (มาตรการภาษีเพื่อสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เพื่อดึงดูดการลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยได้ไม่น้อยกว่า 3,500 ล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมภาพยนตร์และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวตามรอยภาพยนตร์และนักแสดงที่มีชื่อเสียงไปยังต่างประเทศทั่วโลก

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงนี้ คือจะยกเว้นให้เงินได้ของนักแสดงภาพยนตร์ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศที่ได้มาจากการแสดงภาพยนตร์ต่างประเทศ ที่สร้างโดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายของต่างประเทศ และได้รับอนุญาตการสร้างตามกฎหมายว่าด้วยภาพยนตร์และวีดิทัศน์ของไทย ไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ โดยร่างกฎกระทรวงจะมีระยะเวลาบังคับใช้ 5 ปี นับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ โดยให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับแต่วันที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

การยกเว้นการจัดเก็บภาษีเงินได้ร้อยละ 10 จากนักแสดงภาพยนตร์ที่มีภูมิลำเนาอยู่ในต่างประเทศ กรณีที่มีการถ่ายทำภาพยนตร์ในประเทศไทย โดยบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามกฎหมายต่างประเทศนั้น คาดว่าจะเป็นมูลค่าปีละประมาณ 14.35 ล้านบาท แต่ประเทศไทยจะได้รับผลประโยชน์ทางตรงจากการลงทุนถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทยได้ไม่น้อยกว่าปีละ 3,500 ล้านบาท ยังไม่นับผลประโยชน์ทางอ้อมจากการถ่ายทอดความรู้-บุคลากร อุตสาหกรรมภาพยนตร์ ศิลปวัฒนธรรมไทยกับต่างประเทศ รวมถึงผลประโยชน์จากการประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยว และส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศผ่านภาพยนตร์ นักแสดง และบุคคลที่มีชื่อเสียงของวงการภาพยนตร์ต่างประเทศ ซึ่งทางกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการนี้ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบนิเวศ เพื่อให้เกิดผลประโยชน์กับประเทศในระยะยาวต่อไป