ครม. เคาะบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 เริ่ม 1 ม.ค.67 นี้ หวังควบคุมมลพิษจากรถในประเทศ

372
0
Share:
ครม. เคาะบังคับใช้ มาตรฐานยูโร 5 เริ่ม 1 ม.ค.67 นี้ หวังควบคุมมลพิษจากรถในประเทศ

ที่ประชุมการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. (27 มิ.ย. 66) ได้อนุมัติการบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 วันที่ 1 ม.ค. 67 เพื่อควบคุมสารมลพิษจากรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล และรถยนต์ขนาดใหญ่ ได้แก่ รถกระบะ รถบัส และรถบรรทุก ทั้งที่ใช้เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลในประเทศ

โดยตามกฎกระทรวงกำหนดให้ผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมรถยนต์ต้องเป็นไปตามมาตรฐานยูโร 5 แล้วจำนวน 3 ฉบับ ได้แก่
– มอก.3018-2563 สำหรับรถยนต์ขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด หรือรถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก
– มอก. 3043-2563 สำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยประกายไฟที่ใช้ก๊าซธรรมชาติหรือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง หรือรถยนต์ก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่
– มอก.3046-2563 สำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่ที่ใช้เครื่องยนต์แบบจุดระเบิดด้วยการอัด หรือรถยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ โดยได้มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มิ.ย. 2566

นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า แนวทางการออกใบอนุญาต สมอ. ได้ออกมาตรการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการในการขอรับใบอนุญาตเพื่อให้สอดรับกับแผนการบังคับใช้มาตรฐาน โดยจะมีการปรับปรุงแก้ไขหลักเกณฑ์เฉพาะในการตรวจสอบเพื่อการอนุญาตฯ ซึ่งจะยอมรับผลทดสอบตามมาตรฐานมลพิษระดับยูโร 6 ให้สามารถนำมาใช้ในการขอการรับรองมาตรฐานด้านมลพิษรถยนต์ระดับยูโรที่ต่ำกว่าได้ อาทิ ยูโร 5

ซึ่ง สมอ. ได้เปิดรับการยื่นคำขอรับบริการตรวจประเมินระบบควบคุมคุณภาพโรงงาน และคำขอรับบริการทดสอบผลิตภัณฑ์ของรถยนต์ผ่านระบบ E-license ตั้งแต่วันที่ 8 ก.พ. 2566 จนถึงปัจจุบัน มีผู้ยื่นคำขอตรวจโรงงานและคำขอทดสอบรถยนต์ตามมาตรฐานยูโร 5 แล้ว ดังนี้ (ข้อมูล ณ วันที่ 26 มิถุนายน 2566)
– รถยนต์ดีเซลขนาดเล็ก มอก.3018-2563 มีผู้ยื่นคำขอตรวจโรงงาน เป็นผู้ทำจำนวน 4 รายและผู้ยื่นคำขอทดสอบผลิตภัณฑ์ เป็นผู้ทำจำนวน 6 ราย และผู้นำเข้าจำนวน 1 ราย
– รถยนต์ก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ มอก.3043-2563 ยังไม่มีผู้ยื่นคำขอตรวจโรงงานและคำขอทดสอบผลิตภัณฑ์
– รถยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ มอก.3046-2563 มีผู้ยื่นคำขอตรวจโรงงาน เป็นผู้ทำจำนวน 1 ราย ผู้นำเข้า 5 ราย และผู้ยื่นคำขอทดสอบผลิตภัณฑ์ เป็นผู้ทำจำนวน 3 ราย และผู้นำเข้าจำนวน 4 ราย