คลังจับมืออสังหาฯออกแคมเปญกระตุ้นยอดขาย

860
0
Share:

นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ฝ่ายปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมกับภาคเอกชนเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ว่า มาตรการอสังหาริมทรัพย์ที่ลดค่าจดจำนองและค่าโอน เหลือ 0.01% สำหรับที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท รวมถึงมาตรการด้านสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. วงเงิน 50,000 ล้านบาท คาดว่าจะมีส่วนช่วยระบายสต็อกของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้ 35,000 ยูนิต และทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าขยายตัวได้ประมาณ 5-7% . โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ขอให้กระทรวงมหาดไทยออกประกาศลดค่าโอนและจดจำนอง เพื่อให้มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้โดยเร็ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกาเพื่อพิจารณาในรายละเอียด โดยภายหลังการประกาศแล้ว กระทรวงการคลังจะร่วมกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในการจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นยอดขาย ซึ่งคาดว่าจะมีผู้ประกอบการจัดโปรโมชั่นเพิ่มเติม เพื่อกระตุ้นยอดขายภายในงานด้วย

.

นอกจากนี้จะเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เร่งหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย แก้ไขหลักเกณฑ์มาตรการกำกับดูแลสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ โดยจะเสนอให้สามารถกู้ได้ 100% โดยไม่จำเป็นจะต้องเป็นบ้านหลังแรกเท่านั้น ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอของผู้ประกอบการ . ด้านนางอาภา อรรถบูรณ์วงศ์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย ยอมรับว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้จะไม่ขยายตัว แม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐออกมา เนื่องจากยอดขายในไตรมาส 2-3 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะยอดขายคอนโดมิเนียมปรับตัวลดลงถึง 20% ขณะที่บ้านจัดสรรอยู่ในระดับทรงตัว และคาดว่าในไตรมาส 3 กลุ่มบ้านจัดสรรจะติดลบเล็กน้อย เนื่องจากสถาบันการเงินเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ . ขณะที่นายพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ยอมรับว่า ขณะนี้เกิดสูญญากาศในการโอนที่อยู่อาศัย เนื่องจากประชาชนรอให้มาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้ แต่มีผู้ประกอบการบางรายได้จัดโปรโมชั่นจ่ายค่าโอน และจดจำนองให้กับลูกค้าไปก่อนในอัตรา 0.01% เพื่อจูงใจให้ลูกค้าเร่งโอนก่อนมาตรการมีผลแล้ว

.

เมื่อภาคเอกชนได้ร่วมกันจัดแคมเปญใหญ่ บวกกับมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลในครั้งนี้ จะส่งผลต่ออุตสาหกรรมหลายด้าน ทั้งเฟอร์นิเจอร์, ก่อสร้าง, ตกแต่งภายใน และอีกหลายสาขา ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจดีขึ้น คาดว่าปีนี้จะมียอดขายประมาณ 210,000 ยูนิต ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 196,000 ยูนิต .