คลังย้ำการปรับ Vat ขึ้นเป็น 9% ยังไม่จำเป็น ยันสถานะการคลังไทยยังมีความเข้มแข็ง

710
0
Share:

สำนักงานเศรษฐกิจการคลังชี้แจงประเด็นข้อเสนอขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม(Vat) เป็น 9% ของนายสมหมาย ภาษี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุว่า ฐานะการคลังของรัฐบาลในปัจจุบันยังมีความมั่นคง และมีสภาพคล่องเพียงพอต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล เงินคงคลังในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เข้มแข็ง แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในการบรรเทาผลกระทบและเยียวยาแก่ประชาชนและภาคธุรกิจในช่วงวิกฤตโควิด-19
.
โดยระดับเงินคงคลังในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เพียงพอต่อการรองรับการเบิกจ่ายงบประมาณของหน่วยงานภาครัฐ และการดำเนินนโยบายต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป อีกทั้งภาระหนี้ต่องบประมาณอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ ไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และระดับหนี้สาธารณะยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังของรัฐ
.
สำหรับภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งเป็นภาษีฐานการบริโภคที่มีความสัมพันธ์กับภาวะเศรษฐกิจของประเทศ การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มย่อมส่งผลกระทบต่อการบริโภคของประชาชนอย่างมีนัยสำคัญ
.
เนื่องจากผลของการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มทำให้ระดับราคาสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการลดอำนาจการซื้อของประชาชน ซึ่งอาจเป็นการซ้ำเติมประชาชนในภาวะเศรษฐกิจได้รับผลกระทบจากโควิด19 ซึ่งการปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 9% จะทำให้ GDP ลดลงอย่างน้อย -0.6 %ต่อปีจากกรณีฐาน
.
อีกทั้ง ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าให้ปรับตัวสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะเพิ่มขึ้น 1.5 %ต่อปีจากกรณีฐาน การปรับขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจไทยที่อยู่ในภาวะชะลอตัวยิ่งหดตัวมากขึ้น ดังนั้น การปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นเรื่องสำคัญและละเอียดอ่อนจึงต้องพิจารณารอบด้านและดูช่วงเวลาที่เหมาะสม
.
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 25 ส.ค. 2563 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% ต่อไปอีก 1 ปี (ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2563 ถึงวันที่ 30 ก.ย. 2564) เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนและกระตุ้นให้มีการบริโภคของประชาชนอย่างต่อเนื่อง