คุมเพิ่ม! สคบ. ประกาศให้‘หนังสือแบบเรียน’ เป็นสินค้าควบคุมฉลาก
นายธสรณ์อัฑฒ์ ธนิทธิพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เปิดเผยถึงกรณีเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนที่คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคได้ออกประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก กำหนดให้หนังสือ แบบเรียนเป็นสินค้าควบคุมฉลาก ว่า การกำหนดให้หนังสือ แบบเรียนเป็นสินค้าควบคุมฉลาก เป็นไปตามกฎหมาย สคบ.เห็นว่าเป็นสินค้าที่ประชาชนใช้ทั่วไป การกำหนดฉลากเพื่อให้ผู้บริโภครับรู้ถึงสาระสำคัญของสินค้าและบริการ สร้างความมั่นใจก่อนการตัดสินใจซื้อ สคบ. เห็นว่า เป็นประโยชน์จึงออกประกาศให้เป็นสินค้าควบคุม
ทั้งนี้ประกาศฉบับนี้ ได้ประกาศลงในพระราชกิจจานุเบกษา เมื่อ 23 พ.ค. 65 และมีผลใช้บังคับ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 65 สำหรับสาระสำคัญของประกาศ อาทิ ชื่อประเภทหรือชนิดของสินค้าที่แสดงให้เข้าใจได้ว่าสินค้านั้นคืออะไร ชื่อผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าเพื่อขาย สถานที่ตั้ง ในกรณีเป็นสินค้านำเข้าให้ระบุชื่อ ประเทศที่ผลิต ราคา ปริมาณ วิธีการใช้ ข้อแนะนำ ราคา เป็นต้น
นายพัสกร ทัพมงคล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลาก สคบ. กล่าวว่า สิทธิผู้บริโภคที่สำคัญมาก คือ สิทธิการได้รับข้อมูลข่าวสาร คุณภาพสินค้าที่ถูกต้องและเพียงพอ ดังนั้นข้อความที่ระบุในฉลากสินค้าจะต้องตรงต่อความเป็นจริง ไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ รวมถึงประกาศคุ้มครองผู้บริโภคด้านฉลากจะมีคำเตือนสินค้าบางประเภทจะมีคำเตือนเพื่อให้ผู้บริโภคมีความปลอดภัย
นายธีรภัทร เจริญสุข กรรมการสมาคมผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เป็นประโยชน์อย่างมากที่ได้หารือกันในวันนี้ ซึ่งจะมีการหารือกันในอนุกรรมการเพิ่มเติม หวังว่าวันที่จะมีการพิจารณาถึงประเด็นข้อท้วงติงเกี่ยวกับประกาศกำหนดให้หนังสือ แบบเรียนเป็นสินค้าควบคุมฉลาก ในวันที่ 15 พ.ย. 66 จะได้เข้าใจถึงภารกิจต่างๆ ของผู้ผลิตหนังสือ เพราะในรายละเอียดหนังสือมี พ.ร.บ.การจดทะเบียนจดแจ้งการพิมพ์ จึงต้องมีรายละเอียดต่างๆ ที่เป็นประโยชน์กับผู้บริโภคอยู่แล้ว แต่ที่มีข้อขัดข้องคือในประกาศว่าด้วยฉลาก ได้ระบุว่า ต้องมีข้อความวิธีใช้ และข้อควรระวัง ซึ่งในมุมผู้อ่านหนังสือคงจะตลกพอสมควร หรือต้องมีวิธีใช้ว่าต้องอ่านหรือไม่
“ในหนังสือต่างประเทศไม่มีประเทศไหนเขาทำกัน ที่ออกหนังสือควบคุมฉลาก เพราะมีข้อมูล ISBN อยู่แล้ว ผมเข้าใจว่าทางเลขาธิการ สคบ. และ สคบ. เป็นผู้มีความรู้และอ่านหนังสือแน่นอน ทางอนุกรรมการเองก็น่าจะเข้าใจผู้จัดพิมพ์และทางสำนักพิมพ์ต้องการจะสื่อคิดว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมา”
