คุมไม่อยู่! ออสเตรเลียติดโควิด-19 กว่า 1,600 มากเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ยอดเสียชีวิตทะลุ 1,000 เป็นวันแรก

324
0
Share:

กระทรวงสาธารณสุข ออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาถึงวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งสูงถึง 1,641 ราย ทำสถิติติดมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ หรือนับตั้งแต่เกิดการระบาดเป็นต้นมา ส่งผลจำนวนติดเชื้อสะสมเป็น 58,206 ราย รวมติดเชื้อสะสมเป็น 58,206 ราย อยู่อันดับที่ 118 ของโลก ขณะที่พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 13 ราย รวมเสียชีวิตสะสมเป็น 1,032 ราย

สำหรับพื้นที่พบการระบาดมากที่สุดในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา คือรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีเมืองซิดนีย์เป็นเมืองหลัก พบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 1,431 ราย หรือ 88% ของยอดเชื้อรายใหม่ทั้งประเทศ โดยทำสถิติยอดติดเชื้อรายวันสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ที่สำคัญยอดเสียชีวิตรายวันถึง 12 รายอยู่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ด้วย

ด้านผู้ว่าการรัฐวิกตอเรีย เปิดเผยว่า ยอดติดเชื้อรายวันในรอบ 24 ชั่วโมงผ่านมาถึงวันนี้ มีผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้น 208 ราย ทำสถิติติดเชื้อรายวันมากที่สุดในรอบเฉียด 1 ปี หรือนับตั้งแต่วันที่ 3 กันยายน 2563 ซึ่งในวันนั้นมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 112 ราย นอกจากนี้ พบผู้เสียชีวิตรายใหม่ 1 ราย ทำให้มีความจำเป็นต้องประกาศต่ออายุมาตรการปิดล็อกดาวน์ครั้งที่ 6 ออกไปจนกระทั่งประชาชนในรัฐวิกตอเรียจะได้รับการฉีดวัคซีนครอบคลุม 70% ซึ่งจะอยู่ในช่วงวันที่ 23 กันยายนนี้

ผู้ว่าการรัฐควีนสแลนด์ ซึ่งเป็นรัฐที่มีพรมแดนติดกันกับรัฐนิวเซาท์เวลส์ เปิดเผยว่า ยังคงใช้มาตรการปิดพรมแดนต่อไป ถึงแม้ว่าตามแผนการผ่อนคลายมาตรการควบคุมและป้องกันโรคระบาดโควิด-19 จะมีขึ้นหลังจากการฉีดวัคซีนให้ประชาชนมีถึง 80% ตามเป้าหมายก็ตาม

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดในออสเตรเลียที่มีความรุนแรงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จึงอาจส่งผลให้รัฐบาลออสเตรเลียอาจตัดสินใจเลื่อนการยกเลิกมาตรการปิดล็อกดาวน์ออกไปจากกำหนดเดิม

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางภาวะการระบาดเพิ่มสูงในรัฐนิวเซาท์เวลส์ แต่รัฐบาลในรัฐดังกล่าวได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการบางอย่าง เช่น อนุญาตให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถรวมตัวกันได้ไม่เกิน 5 คนในที่สาธารณะ ครอบครัวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสซึ่งอยู่ในพื้นที่สถานที่ราชการ สามารถพบปะหรือรวมตัวกันสำหรับกิจกรรมการผ่อนคลายร่วมกันได้ เป็นต้น

ทั้งนี้ ออสเตรเลียฉีดวัคซีนครบโดสให้ประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไป มีสัดส่วน 36% คาดการณ์ว่าจากอัตราการฉีดวัคซีนในปัจจุบันจะทำให้ฉีดครอบคลุมถึง 80% ของประชากรทั้งประเทศภายในกลางเดือนพฤศจิกายนนี้