ค่าบาทไม่ได้รับผลกระทบจากหยวน

758
0
Share:

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะเพิ่มความตึงเครียดมากขึ้นจากเดิม เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างสองประเทศลุกลามไปยัง “ประเด็นค่าเงิน” จากที่ก่อนหน้านี้ การตอบโต้ระหว่างกันมักจะอยู่ในขอบเขตของเรื่องภาษีและการค้าระหว่างประเทศเท่านั้น
.
โดยการที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ระบุว่า จีนเป็นผู้บิดเบือนค่าเงิน นับเป็นท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้น หลังจากที่ทางการจีนปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าทะลุแนว 7 หยวนต่อดอลลาร์ฯ
.
ดังนั้นจึงประเมินว่า เงินหยวนอาจมีแนวโน้มขยับอ่อนค่าได้อีกในระยะใกล้นี้ และน่าจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่กดดันให้สกุลเงินในภูมิภาค ขยับอ่อนค่าลงตามไปด้วย โดยแรงกดดันด้านการอ่อนค่าของแต่ละสกุลเงินจะขึ้นอยู่กับ หลายองค์ประกอบ ได้แก่ 1) การพึ่งพาจีนเป็นตลาดส่งออก 2) สัดส่วนการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์สูง ซึ่งจะเพิ่มความเปราะบางมากขึ้น หากเศรษฐกิจจีนชะลอตัวและสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ยืดเยื้อ และ 3) ปัจจัยพื้นฐานที่อ่อนแอ อาทิขาดดุลบัญชีเดินสะพัด หรือมีทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับต่ำ ซึ่งกล่าวได้ว่า เงินรูเปียห์และเงินริงกิต เป็นสกุลเงินเอเชียที่ค่อนข้างเปราะบางต่อประเด็นเหล่านี้
.
ส่วนความเปราะบางของเงินบาทต่อประเด็นเหล่านี้น่าจะอยู่ในระดับที่จำกัด เนื่องจากไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่อยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งดุลบัญชีเดินสะพัดที่ยังมีแนวโน้มเกินดุล และทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูง แต่หากมองในอีกด้านหนึ่ง จังหวะการเคลื่อนไหวของเงินบาทในบางช่วงก็อาจไม่อ่อนค่าสอดคล้องกับสกุลเงินอื่นๆ โดยเฉพาะเงินรูเปียห์ เงินริงกิต หรือ เงินด่อง ย่อมมีผลทำให้ภาคการส่งออกของไทยสูญเสียแต้มต่อในการแข่งขันเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งอื่นๆ ในภูมิภาค