ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจีนเห็นอะไรถึงจี้ทำตลาดในไทย คาดปี 65 ยอดขายรวมแตะ 10,000 คัน

421
0
Share:
ค่ายรถยนต์ไฟฟ้าจีน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า มาตรการสนับสนุนเพื่อส่งเสริมการสร้างตลาดรถยนต์ BEV ของภาครัฐที่เพิ่งออกมา ช่วยกระตุ้นตลาดรถยนต์ BEV ได้อย่างมาก ทำให้การแข่งขันเริ่มคึกคักขึ้นทันที นำโดยค่ายรถจีนที่อาศัยจังหวะที่ค่ายรถกระแสหลักยังไม่พร้อมทำตลาดเร่งดึงส่วนแบ่งลูกค้ามาก่อน ด้วยจุดแข็งสำคัญคือ การเลือกผลิตภัณฑ์บุกตลาดและการตั้งราคาที่ดึงดูดใจผู้ซื้อในวงกว้างขึ้น ซึ่งหลังจากนี้น่าจะเห็นการบุกตลาดและเข้ามาลงทุนของค่ายรถสัญชาติจีนรายใหม่ ๆ มากขึ้น

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าปี 2565 มีโอกาสที่ค่ายรถจีนอาจจะชิงส่วนแบ่งตลาดรวมได้ถึง 80% เพิ่มขึ้นจาก 58% ในปี 2564 จากยอดขายรถยนต์ BEV ที่คาดว่าจะทำได้เกินกว่า 10,000 คัน ขยายตัวมากกว่า 412.0% เทียบช่วงเดียวกันกับปีที่แล้ว ขณะที่ค่ายตะวันตกมีส่วนแบ่งตามมาเป็นอันดับสองจากปัจจัยบวกด้านฐานผู้ซื้อที่มีกำลังซื้อสูงและการขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในประเทศ ส่วนค่ายญี่ปุ่น เนื่องจากเข้ามาทำตลาดช้ากว่าจึงมีช่วงเวลาสั้นกว่าในการชิงส่วนแบ่งตลาด

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดรถยนต์ยังคงมีประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่น่ากังวล เนื่องจากส่งผลให้ปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนรถยนต์อย่างชิปอิเล็กทรอนิกส์ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และทำให้ปริมาณการผลิตรถยนต์โลกรวมถึงในไทยมีทิศทางชะลอตัวลง โดยเฉพาะรถยนต์นั่งซึ่งมีการใช้ชิ้นส่วนชิปอิเล็กทรอนิกส์มากกว่ารถปิกอัพ นอกจากนี้ ปัญหาราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วก็ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคชะลอลง จึงมีโอกาสที่รถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงจะได้รับผลกระทบก่อน

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดในเบื้องต้นว่า ยอดขายรถยนต์รวมในไทยปี 2565 อาจปิดที่ราว 825,000 คัน +8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2564 และจากฐานที่ต่ำมากในปี 2564 ที่ขายได้เพียง 759,119 คัน ทำสถิติต่ำสุดในรอบ 13 ปี

แต่หากสถานการณ์สงครามเลวร้ายลงอาจทำให้ยอดขายลดลงมาเหลือ 800,000 คัน +5.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2564 และในทางกลับกันหากปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนคลี่คลายได้เร็ว ก็มีโอกาสที่ยอดขายจะสูงกว่าตัวเลขที่คาดการณ์ไว้ โดยปีนี้รถปิกอัพมีโอกาสที่จะทำยอดขายได้สูงกว่ารถยนต์นั่ง โดยนอกจากจะเผชิญปัญหาการขาดแคลนชิ้นส่วนที่น้อยกว่าแล้วยังได้รับอานิสงส์จากมาตรการดูแลราคาน้ำมันดีเซลของภาครัฐฯ