งบรัฐวิสาหกิจสะดุด 1.4 แสนล้าน เมกะโปรเจ็กต์เลื่อนรอรัฐบาลใหม่ตั้งรัฐบาลช้ากระทบลงทุน

321
0
Share:
งบประมาณ รัฐวิสาหกิจ สะดุด 1.4 แสนล้าน เมกะโปรเจ็กต์เลื่อนรอรัฐบาลใหม่ ตั้งรัฐบาล ช้ากระทบลงทุน

กระทรวงการคลัง รายงานร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ได้กำหนดงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 24 แห่ง วงเงิน 149,382 ล้านบาท เทียบปีงบประมาณ 2566 ลดลง 13,536 ล้านบาท โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้รับจัดสรรมากที่สุด 64,727 ล้านบาท รองลงมาเป็นการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 23,457 ล้านบาท , การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) 23,135 ล้านบาท และบรรษัทประกันสินเชื่อุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) 6,890 ล้านบาท

สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ได้รับจัดสรรงบประมาณจะได้รับผลกระทบจากการจัดตั้งรัฐบาลเพราะร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ต้องเลื่อนออกไป ในขณะที่รัฐวิสาหกิจที่มีแผนลงทุนจากงบของตัวเองจะได้รับผลกระทบเช่นกัน เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพราะงบประมาณใหม่จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่

นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า แผนลงทุนในปีงบประมาณ 2567 ของ ร.ฟ.ท.ในขณะนี้มีทั้งในส่วนของการลงทุนต่อเนื่องรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 และการลงทุนโครงการใหม่ที่อยู่ในแผนรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ซึ่งกรณีที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าส่งผลต่อการอนุมัติงบประมาณปี 2567 หรือไม่นั้น แน่นอนว่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุน การเปิดให้บริการจะล่าช้ากว่าแผนออกไป แต่จะเป็นการล่าช้าเฉพาะส่วนของงบลงทุนโครงการใหม่ที่จะต้องได้รับการพิจารณาอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)

“โครงการลงทุนของการรถไฟฯ ที่ก่อสร้างอยู่ในปัจจุบัน สัญญาพวกนี้จะเดินหน้าตามแผน การเบิกจ่ายงบประมาณก็สามารถขออนุมัติได้เพราะเป็นงบผูกพันที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว ผลกระทบจะเกิดกับโครงการใหม่ๆ ที่อยู่ในแผนขออนุมัติจะล่าช้าออกไป แต่คาดว่าจะล่าช้าเพียงเล็กน้อย เพราะโครงการเหล่านี้ก็จะต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาจัดลำดับการลงทุน”

รายงานข่าวจาก ร.ฟ.ท.ระบุว่า ร.ฟ.ท.ได้รับจัดสรรงบประมาณประจำปี 2567 อยู่ที่ 23,135 ล้านบาท แบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 8,380 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 14,754 ล้านบาท โดยโครงการลงทุนที่ ร.ฟ.ท.บรรจุไว้เพื่อผลักดันในปีงบประมาณดังกล่าว อาทิ โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นต้นส่วนโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ที่เตรียมเสนอขอรับพิจารณาจาก ครม.อาทิ สายขอนแก่น-หนองคาย 29,748 ล้านบาท

นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า หากการตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าจะมีผลกระทบต่องบการลงทุนในปี 2567 ของ กฟผ. ส่วนงบทำการนั้นไม่ได้รับผลกระทบเพราะคณะกรรมการบริหาร กฟผ.อนุมัติได้ ทั้งนี้กระแสเงินสด (Cash Flow) ของ กฟผ.ในช่วงนี้ถือว่าอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น และเพียงพอต่อการลงทุนและนำส่งรัฐที่ค้างไว้ในปี 2566 ได้

สำหรับงบลงทุนโครงการของ กฟผ.ปกติแล้วหากจะมีการของบประมาณการลงทุนจะต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร กฟผ.โดยขณะนี้งบลงทุนโครงการตางๆ ผ่านการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว แต่โดยตามขั้นตอนต้องนำเข้าสู่การนำเสนอต่อสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอที่ประชุม ครม.ตามลำดับ