งบรัฐวิสาหกิจสะดุด 1.4 แสนล้าน เมกะโปรเจ็กต์เลื่อนรอรัฐบาลใหม่ตั้งรัฐบาลช้ากระทบลงทุน
กระทรวงการคลัง รายงานร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ได้กำหนดงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ 24 แห่ง วงเงิน 149,382 ล้านบาท เทียบปีงบประมาณ 2566 ลดลง 13,536 ล้านบาท โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้รับจัดสรรมากที่สุด 64,727 ล้านบาท รองลงมาเป็นการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 23,457 ล้านบาท , การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) 23,135 ล้านบาท และบรรษัทประกันสินเชื่อุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) 6,890 ล้านบาท
สำหรับรัฐวิสาหกิจที่ได้รับจัดสรรงบประมาณจะได้รับผลกระทบจากการจัดตั้งรัฐบาลเพราะร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ต้องเลื่อนออกไป ในขณะที่รัฐวิสาหกิจที่มีแผนลงทุนจากงบของตัวเองจะได้รับผลกระทบเช่นกัน เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพราะงบประมาณใหม่จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่
นายอนันต์ โพธิ์นิ่มแดง รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า แผนลงทุนในปีงบประมาณ 2567 ของ ร.ฟ.ท.ในขณะนี้มีทั้งในส่วนของการลงทุนต่อเนื่องรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 และการลงทุนโครงการใหม่ที่อยู่ในแผนรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 ซึ่งกรณีที่มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าส่งผลต่อการอนุมัติงบประมาณปี 2567 หรือไม่นั้น แน่นอนว่าจะมีผลกระทบต่อการลงทุน การเปิดให้บริการจะล่าช้ากว่าแผนออกไป แต่จะเป็นการล่าช้าเฉพาะส่วนของงบลงทุนโครงการใหม่ที่จะต้องได้รับการพิจารณาอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.)
“โครงการลงทุนของการรถไฟฯ ที่ก่อสร้างอยู่ในปัจจุบัน สัญญาพวกนี้จะเดินหน้าตามแผน การเบิกจ่ายงบประมาณก็สามารถขออนุมัติได้เพราะเป็นงบผูกพันที่ได้รับอนุมัติไว้แล้ว ผลกระทบจะเกิดกับโครงการใหม่ๆ ที่อยู่ในแผนขออนุมัติจะล่าช้าออกไป แต่คาดว่าจะล่าช้าเพียงเล็กน้อย เพราะโครงการเหล่านี้ก็จะต้องรอรัฐบาลใหม่เข้ามาจัดลำดับการลงทุน”
รายงานข่าวจาก ร.ฟ.ท.ระบุว่า ร.ฟ.ท.ได้รับจัดสรรงบประมาณประจำปี 2567 อยู่ที่ 23,135 ล้านบาท แบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 8,380 ล้านบาท และรายจ่ายลงทุน 14,754 ล้านบาท โดยโครงการลงทุนที่ ร.ฟ.ท.บรรจุไว้เพื่อผลักดันในปีงบประมาณดังกล่าว อาทิ โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายบ้านไผ่-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-มุกดาหาร-นครพนม และสายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ เป็นต้นส่วนโครงการรถไฟทางคู่ ระยะที่ 2 ที่เตรียมเสนอขอรับพิจารณาจาก ครม.อาทิ สายขอนแก่น-หนองคาย 29,748 ล้านบาท
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า หากการตั้งรัฐบาลใหม่ล่าช้าจะมีผลกระทบต่องบการลงทุนในปี 2567 ของ กฟผ. ส่วนงบทำการนั้นไม่ได้รับผลกระทบเพราะคณะกรรมการบริหาร กฟผ.อนุมัติได้ ทั้งนี้กระแสเงินสด (Cash Flow) ของ กฟผ.ในช่วงนี้ถือว่าอยู่ในภาวะที่ดีขึ้น และเพียงพอต่อการลงทุนและนำส่งรัฐที่ค้างไว้ในปี 2566 ได้
สำหรับงบลงทุนโครงการของ กฟผ.ปกติแล้วหากจะมีการของบประมาณการลงทุนจะต้องนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร กฟผ.โดยขณะนี้งบลงทุนโครงการตางๆ ผ่านการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว แต่โดยตามขั้นตอนต้องนำเข้าสู่การนำเสนอต่อสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอที่ประชุม ครม.ตามลำดับ