จอห์นสันแอนด์จอห์นสันยื่นขอใช้วัคซีนฉุกเฉินในสหรัฐ

483
0
Share:

จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน หรือ J&J เปิดเผยว่า ได้ยื่นเรื่องขอใช้วัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกากับองค์การอาหารและยาสหรัฐ หรือเอฟดีเอ วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกัน 66% และฉีดเพียงเข็มเดียวเท่านั้น หากเอฟดีเออนุมัติ วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน จะกลายเป็นวัคซีนลำดับที่ 3 ต่อจากโมเดอร์นา และไฟเซอร์-ไบออนเทค โดยทั้ง 2 วัคซีนได้รับการอนุมัติจากเอฟดีเอเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2563 และในสัปดาห์ถัดมาจากไฟเซอร์-ไบออนเทค ตามลำดับ
.
สำหรับวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ในภาพรวมที่ 66% และจะอยู่ที่ 85% ในการป้องกันโรคโควิด-19 ที่รุนแรง ในขณะที่ ประสิทธิภาพในการป้องกันโรคระบาดโควิด-19 กลายพันธุ์ จะลดลงจากระดับในภาพรวม เช่น เมื่อใช้กับเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กลายพันธ์ุที่พบในแอฟริกาใต้ หรือสายพันธ์ุ B.1.351 นั้น ประสิทธิภาพจะอยู่ที่ 57%
.
ด้านวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ของประเทศรัสเซียนั้น ได้รับการยืนยันผลวิจัยซึ่งเผยแพร่ผ่านวารสารการแพทย์ระหว่างประเทศที่มีชื่อเสียงเรียกว่า แลนเส็ท (Lancet) เปิดเผยว่าวัคซีน สปุตนิก วี ซึ่งพัฒนาโดยสถาบันกามาเลยาในประเทศรัสเซีย มีประสิทธิภาพในการป้องกันคนจากการป่วยโรคระบาดโรคโควิด-19 ได้ถึง 91.6% จากการทดสอบทางคลินิกระยะที่ 3 ซึ่งเป็นระยะสุดท้าย
.
ทั้งนี้ ประเทศรัสเซียอนุมัติใช้วัคซีน สปุตนิก วี มาตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2563 ก่อนจะเริ่มการทดสอบเป็นวงกว้าง รัสเซียกลายเป็นประเทศแรกในโลกที่อนุญาตให้ฉีดวัคซีนต้านโรคระบาดโควิด-19 ท่ามกลางการตั้งคำถามจากต่างประเทศ รัสเซียกำหนดให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ในแนวหน้าได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก หลังจากนั้น จะกระจายวัคซีนเป็นวงกว้างในเดือนธันวาคมให้กับคนบางกลุ่ม เช่น ครู เจ้าหน้าที่แพทย์ และผู้สื่อข่าว ท้ายที่สุด จะเริ่มฉีดให้ประชาชนทั่วไปในเดือนมกราคม
.
รัฐบาลประเทศมาเลเซีย เปิดเผยว่า คาดการณ์ระยะเวลาในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคระบาดโควิด-19 ทั่วประเทศภายใน 1 ปี ซึ่งจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2565 ส่งผลให้มีประชาชนราว 80% หรือ 25.6 ล้านคนของประชากรทั้งหมด 32 ล้านคนในประเทศมาเลเซีย จะได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าว นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่าในระยะที่ 1 ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงสิ้นเดือนเมษายน จะฉีดวัคซีนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้าจำนวน 500,000 ราย ตามด้วยกลุ่มเสี่ยงสูงเป็นจำนวน 9.4 ล้านคน ซึ่งจะเริ่มฉีดในเดือนเมษายนถึงสิ้นเดือนสิงหาคม ต่อจากนั้นในกลุ่มที่ 3 และกลุ่มสุดท้าย จะฉีดให้กับวัยรุ่น และผู้ใหญ่ที่มีอายุตั้ง 18 ปี และผู้สูงอายุ รวมจำนวน 18 ล้านคน เริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2565