จะอยู่กับใคร! เด็กกว่า 1 ล้านคนทั่วโลกสูญเสียผู้ปกครองหลังเกิดโรคระบาดโควิด-19

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ CDC ร่วมกับหน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐ (USAIA) ธนาคารโลก และมหาวิทยาลัยยูนิเวอร์ซิตี้ คอลเลจ ลอนดอน (University College London) ได้เปิดเผยรายงานเกี่ยวกับการสูญเสียพ่อ แม่ หรือผู้ปกครองของเด็กทั่วโลกท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 พบว่าการสำรวจผู้เสียชีวิตจาก 21 ประเทศ ซึ่งคิดเป็น 76% ของผู้เสียชีวิตจากทั่วโลก ชี้ให้เห็นถึงในช่วง 14 เดือนแรกหลังเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีเด็กประมาณ 1.5 ล้านคนต้องกำพร้า เนื่องจากผู้ปกครองที่เคยดูแลต้องเสียชีวิต

ผลของการศึกษาดังกล่าวได้ถูกตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ชื่อดังระดับโลกมีชื่อว่า The Lancet โดยพบว่า ในช่วงนับตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม – 30 เมษายน มีเด็ก 1,134,000 ต้องสูญเสียพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย หรือญาติพี่น้องที่เป็นผู้ดูแลไปอย่างน้อย 1 คน และมีเด็กมากถึง 1,562,000 คน สูญเสียทั้งผู้ดูแลหลัก และผู้ดูแลรองลงไป
.
ดร.ซูซาน ฮิลลิส ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคระบาดแห่งสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่าภาวะโรคระบาดโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อเด็กทั่วโลก ทุกครั้งที่เกิดการเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ครบ 2 ราย จะมีเด็ก 1 รายที่ต้องเผชิญกับความสูญเสียพ่อแม่ หรือผู้ปกครองคนสำคัญในครอบครัว

ไม่เพียงการสูญเสียที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงความเครียดของเด็กที่ต้องพบกับชะตากรรมดังกล่าว ที่สำคัญ เด็กยังมีแนวโน้มจะต้องเผชิญกับเหตุการณ์ร้ายแรงอื่นๆที่จะตามมาภายหลัง เช่น การถูกทารุณกรรม ความยากจน ปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจจะนำมาสู่อัตราการฆ่าตัวตายที่เพิ่มมากขึ้น การตั้งครรภ์โดยไม่พร้อมของวัยรุ่น และการป่วยเป็นโรคติดเชื้อต่างๆ อย่าง เอชไอวี หรือโรคเรื้อรัง

ทั้งนี้ นักวิจัยจากการศึกษาในเรื่องนี้ ยังได้เตือนว่าการระบาดใหญ่ที่ยังไม่มีจุดสิ้นสุด และการที่ไม่สามารถฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมประชากรทั่วโลก ทำให้อัตราการเสียชีวิตของผู้ดูแลเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และจะส่งผลถึงเด็กในวัยนี้ไปถึงวันที่มีอายุครบ 18 ปีเป็นอย่างน้อย