จีนเตือนพบไวรัสโคโรนาจากค้างคาวกว่า 20 สายพันธุ์ใหม่ มีความเสี่ยงสูงแพร่ระบาดสู่คน
วันนี้ 26 กันยายน 2566 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์ข้อความเกี่ยวกับสถาบันไวรัสวิทยาเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เตือนการค้นพบเชื้อไวรัสโคโรนาจากค้างคาวกว่า 20 สายพันธุ์ใหม่ มีข้อความหลักสำคัญ ดังนี้
ดร. ฉี เจิ่งลี่ ผู้อํานวยการศูนย์โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ สถาบันไวรัสวิทยาเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เปิดเผยว่าพบไวรัสโคโรนาจากค้างคาวกว่า 20 สายพันธุ์ใหม่มีความเสี่ยงสูงที่อาจก้าวข้ามมาระบาดในคน โดยตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารทางการแพทย์ Emerging Microbes & Infections เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 (https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/37334745/) โดยสื่อจีนให้ความสนใจรายงานข่าวในเดือนกันยายน 2566
ดร. ฉี เจิ่งลี่ เป็นผู้อํานวยการศูนย์ติดเชื้ออุบัติใหม่ สถาบันไวรัสวิทยาเมืองอู่ฮั่นและโด่งดังจากงานวิจัยเกี่ยวกับ SARS-CoV-1 และได้รับสมญาว่าหญิงค้างคาว (bat woman) และนักล่าไวรัส (virus hunter) เป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนผู้ที่มีชื่อเสียง ทําการวิจัยเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาที่กระโดดข้ามจากสัตว์โดยเฉพาะค้างคาวมาติดต่อในคน ในปี 2560 ดร. ฉี เจิ่งลี่ และทีมวิจัยค้นพบว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ SARS น่าจะมีต้นกําเนิดมาจากค้างคาวเกือกม้า (Horseshoe Bat) ในมณฑลยูนนาน ประเทศจีน
ในผลการวิจัยล่าสุด ดร. ฉี เจิ่งลี่ และทีมวิจัยได้เตือนว่ามีโอกาสสูงมากที่จะเกิดการระบาดของไวรัสโคโรนาอีกในอนาคต ไวรัสโคโรนา (CoV) มีสี่สกุล ได้แก่ alpha (α), beta (β), gamma (γ) และ delta (δ) CoV ทั้งหมดที่ทำให้เกิดการระบาดของมนุษย์นั้นมาจาก alpha- หรือ beta-CoV จากการจำแนกประเภทของ ICTV ล่าสุด พบว่ามี CoV สายพันธุ์ 40 ชนิดในสกุล alpha- และ beta-CoV โดย 27/40 ของสายพันธุ์ CoV (67.5%) สามารถพบได้หรือพบเฉพาะในค้างคาว
ทีมวิจัยได้ระบุว่าพบไวรัสโคโรนาจํานวนกว่า 20 สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะแพร่ติดเชื้อในคนได้ โดยให้เหตุผลว่าไวรัสโคโรนาเคยก่อให้เกิดการระบาดจากสัตว์สู่คนมาก่อน (เช่น SARS และ COVID-19) ดังนั้นมีความเป็นไปได้สูงที่มันจะก่อให้เกิดการระบาดอีกในอนาคต
ผลงานวิจัยของ ดร. ฉี เจิ่งลี่ เน้นถึงภัยคุกคามต่อเนื่องจากไวรัสโคโรนาที่มาจากค้างคาว และย้ำให้เห็นว่าภาครัฐควรลงทุนด้านการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อสืบค้นหาไวรัสที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อประโยชน์แห่งการพัฒนาวัคซีน/ยาสำหรับรักษาล่วงหน้าก่อนเกิดการระบาดในอนาคต นอกจากนี้ ยังเตือนผู้ดูแลระบบสาธารณสุขทั่วโลกให้เตรียมรับมือการแพร่ระบาดของโรคจากไวรัสโคโรนาใหม่ๆ ในอนาคต
ผลที่อาจติดตามมาหากเราไม่เตรียมพร้อมสำหรับการระบาดของไวรัสโคโรนาครั้งใหม่ในอนาคต ในด้านสุขภาพนั้น อัตราการเสียชีวิตและการเจ็บป่วยจะเพิ่มขึ้นหากการตอบสนองจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อการระบาดล่าช้า ระบบการรักษาพยาบาลของประเทศจะล้มเหลวไม่มีเตียงและอุปกรณ์พอเพียงในการรักษา ความยากลำบากในการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสทำให้เกิดการติดเชื้อมากขึ้น เกิดการระบาดใหญ่เป็นเวลานานและมีการติดเชื้อซ้ำอีกและการเกิดขึ้นของสายพันธุ์ใหม่อย่างต่อเนื่องที่สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจนไม่สามารถควบคุมได้
ส่วนผลกระทบที่ตามมาทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ธุรกิจต่างๆ ถูกบังคับให้ปิดกิจการจากข้อจำกัดด้านสาธารณสุข การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานและการขาดแคลนสินค้าที่จำเป็น ความผันผวนของตลาดหุ้น และการชะลอตัวของเศรษฐกิจหรือภาวะถดถอย และค่ารักษาพยาบาลที่สูงสำหรับการรักษาและการรักษาในโรงพยาบาล
ด้านผลกระทบทางสังคม คือ การหยุดเรียน หยุดเดินทาง หยุดกิจกรรมทางสังคม และหยุดบริการทางศาสนา ผลกระทบต่อสุขภาพจิต เช่น ความวิตกกังวล อาการซึมเศร้า การใช้สารเสพติด ความไม่มั่นคงทางการเมืองและการพังทลายของความไว้วางใจของประชาชนต่อสถาบันหรือรัฐบาล ความไม่เท่าเทียมกันในการเข้าถึงการรักษาพยาบาล การตรวจทดสอบคัดกรอง และการรับวัคซีน และการเผยแพร่ข้อมูลที่ผิดและทฤษฎีสมคบคิด
ขั้นตอนการเตรียมความพร้อม มีดังนี้ สต๊อกวัคซีน ยารักษาโรค อุปกรณ์ PPE ปรับปรุงระบบการเฝ้าระวังทั่วประเทศเพื่อการตรวจจับการระบาดของไวรัสแต่เนิ่นๆ พัฒนาแผนเพื่อเพิ่มการคัดกรองและการติดตามผู้สัมผัสอย่างรวดเร็ว เตรียมแผนการสื่อสารกับประชาชนและแผนบรรเทาทุกข์ทางเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถของโรงพยาบาลทั้งจากภาครัฐและเอกชนด้านการดูแลสุขภาพเพื่อรองรับการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วย และความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการประสานงานการรับมือโรคระบาด