จีนแห่เที่ยวไทยหนุน! กสิกรฯ ปรับจีดีพีปี 66 โตเป็น 3.7% หลังจีนเปิดประเทศแห่เที่ยวไทย

240
0
Share:
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เศรษฐกิจไทย - จีน แห่ เที่ยวไทย หนุน! กสิกร ปรับจีดีพีปี 66 โตเป็น 3.7% หลังจีนเปิดประเทศแห่เที่ยวไทย

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ปรับประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ขึ้นมาอยู่ที่ 3.7% จาก 3.2% จากการเปิดประเทศเร็วกว่าคาดของจีน ส่งผลบวกต่อภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกไทย โดยในปีนี้คาด ว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาราว 4.65 ล้านคน ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวรวมอยู่ที่ราว 25.5 ล้านคน (กรอบ 24-26 ล้านคน)

อย่างไรก็ดี การส่งออกโดยรวมจะหดตัวลดลงมาอยู่ที่ 0.5% เนื่องจากการส่งออกสินค้าไปจีนโดยเฉพาะในหมวดสินค้าผู้บริโภคคาดว่าจะขยายตัวมากขึ้น แม้ว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมจะยังคงกดดัน การส่งออกไทยอยู่

ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิดและการเปิดประเทศเร็วกว่าคาดของจีนคงเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในภาพรวมทรงตัวอยู่ในระดับสูงเป็นระยะเวลานาน แม้จะได้รับแรงกดดันจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐ และยูโรโซน แต่ปัจจัยการเปิดประเทศของจีนคาดว่าไม่ส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เร่งตัวเท่ากับปี 2565 ที่ เป็นจุดเริ่มต้นของสงครามรัสเซีย-ยูเครน ในกรณีฐาน คาดว่าราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ราว 90 ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรล ลดลงจากค่าเฉลี่ยในปี 2565 ที่อยู่ที่ราว 97 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในขณะที่ เงินเฟ้อไทยคาดว่าจะอยู่ที่ราว 3.2% ในปีนี้ เนื่องจากการส่งผ่านต้นทุนจากผู้ประกอบการไปยังผู้ บริโภคตามภาระต้นทุนค่าไฟรวมถึงค่าแรง ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับแนวโน้มราคาน้ำมัน ในประเทศที่อาจไม่ปรับลดลงเร็ว เนื่องจากภาครัฐยังมีภาระกองทุนน้ำมันที่ยังขาดดุลในระดับสูง

อย่างไรก็ตามด้าน ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย มองว่ายอดการใช้จ่ายต่อคนของนักท่องเที่ยวมีแนวโน้มลดลงกลับคืนสู่ระดับใกล้เคียงปี 2562 หรือ 1,562 ดอลลาร์สหรัฐ หลังข้อมูลล่าสุด ว่ากำลังการใช้จ่าย ของนักท่องเที่ยวได้ลดลงกว่าในปี 2563 (ที่ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) และ 2564 (ที่ ราว 12,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) หรือในช่วง การระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งส่วนใหญ่จะ ต้องมาระยะยาวหรือเป็นการเดินทางเพื่อ เจรจาธุรกิจมากกว่าการมาพักผ่อนระยะสั้นๆ เหตุนี้ ซิตี้แบงก์จึงได้ปรับการคาดการณ์ดุล บัญชีเงินสะพัดของปี 2565 มาอยู่ที่ 3.3% ของ GDP จากเดิมที่ -1.6% รวมถึงปรับลด ดุลบัญชีสะพัดปี 2566 ที่น่าจะกลับมาเกินดุล มาอยู่ที่ 2.4% ของ GDP ในปี 2566 จากเดิม ที่ 3.8% (โดยใช้ประมาณการค่าใช้จ่ายต่อหัว ที่ 1,590 ดอลลาร์สหรัฐ)

แม้จะปรับลดการคาดการณ์รายได้รวมจากนักท่องเที่ยวลดลงตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาระยะสั้นมากขึ้น แต่การที่มีนักท่องเที่ยวในประเทศเพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อการจ้างงานเพิ่มขึ้นในหลายภาคส่วน และเสริมสร้างขีดความสามารถทาง เศรษฐกิจได้เร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยยังคงคาดว่าในปี 2566 GDP ของประเทศจะเติบโตอยู่ที่ 4.3% อีกทั้งในปี 2566 เงินบาทจะแข็งค่าจากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวซึ่งน่าจะมีส่วนช่วยเรื่องการไหลเข้าของเงินทุนเคลื่อนย้ายเพื่อลงทุนในหลักทรัพย์เช่นกัน