จีนใช้เงินหยวนซื้อน้ำมันดิบยันถ่านหินกับรัสเซีย ยอดธุรกรรมพุ่งกว่า 25% ในสกุลหยวน

สมาคมเพื่อการโทรคมนาคมทางการเงินระหว่างธนาคารทั่วโลก หรือสวิฟต์ (SWIFT) เปิดเผยว่า เงินหยวนได้กลายเป็นสกุลเงินที่ใช้มากที่สุดสำหรับการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนในจีน แซงหน้าดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2566 แม้ว่ามีสัดส่วนการเป็นสกุลเงินสำหรับการชำระเงินระดับโลกเพียง 2.5% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐและยูโร ที่มีสัดส่วนสูงถึง 39.4% และ 35.8% ตามลำดับ

ขณะที่ธนาคารกลางจีนแผ่นดินใหญ่ หรือ PBOC ระบุว่า ระบบการชำระเงินระหว่างธนาคารข้ามพรมแดนของจีน หรือซิปส์ (CIPS) ซึ่งเป็นทางเลือกแทนสวิฟต์ มีการทำธุรกรรมในปี 2565 ทั้งหมด 96.7 ล้านล้านหยวน (ราว 470 ล้านล้านบาท) เพิ่มขึ้น 21.5% ต่อปี

ธนาคารกลางรัสเซีย เปิดเผยในเดือนมีนาคมว่าสัดส่วนเงินหยวนที่ใช้ชำระค่าสินค้านำเข้าจากรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจาก 4% เป็น 23% ในปี 2565

รัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่เริ่มผลักดันให้เงินหยวนเป็นสกุลเงินสากลมาตั้งแต่ทศวรรษก่อน แต่ยังมีการใช้อย่างจำกัด การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อปีก่อน เมื่อธนาคารรัสเซียถูกตัดออกจากสวิฟต์ในเดือนเมษายน 2565 หลังจากทำสงครามในยูเครน และชาติตะวันตกคว่ำบาตรไม่ซื้อสินค้ารัสเซีย เปิดช่องให้จีนเข้าไปซื้อสินค้าโภคภัณฑ์ราคาถูกจากรัสเซีย ทั้งน้ำมันดิบ ถ่านหิน อะลูมิเนียม โดยมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 52%

ทั้งนี้ ศุลากรจีนแผ่นดิใหญ่ ระบุว่าปีที่แล้วจีนนำเข้าน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงจากรัสเซียมูลค่ารวมกัน 60,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 2 ล้านล้านบาท ขณะที่ผู้บริหารที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ 5 รายเผยว่า จีนใช้เงินหยวนเกือบทั้งหมดในการชำระค่าน้ำมัน