คนจีนตัดลดใช้จ่ายเกิดภาวะเงินฝืดครั้งแรกใน 2 ปี หลังส่งออกดำดิ่งแรงในรอบ 3 ปี

สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนแผ่นดินใหญ่ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อลดลง 0.3% ต่อปีในเดือนกรกฎาคม หลังจากไม่เปลี่ยนแปลงที่ระดับ 0% ต่อปีในเดือนมิถุนายนผ่านมา ส่งผลให้เป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี และเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน หลังจากเมื่อวานนี้สำนักงานศุลกากรจีนเผยว่า ยอดส่งออกมีมูลค่าลดลงมากถึง 14.5% ต่อปีในเดือนกรกฎาคม ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน และลดลงมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปี

การที่สินค้าและบริการมีราคาลดลงบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะเงินฝืด ซึ่งเกิดจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความต้องการบริโภคลดลง ภาวะเช่นนี้อาจทำให้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น แต่เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง เพราะผู้บริโภคจะชะลอการซื้อออกไปด้วยหวังว่าราคาจะลดลงอีก ส่งผลให้ธุรกิจต้องลดการผลิต งดการจ้างงานใหม่หรือเลิกจ้าง

เศรษฐกิจจีนแผ่นดินใหญ่เคยเกิดภาวะเงินฝืดครั้งหลังสุดในปี 2552 และเกิดภาวะเงินฝืดเป็นเวลาสั้นๆ ช่วงสิ้นปี 2563 จนถึงต้นปี 2564 เนื่องจากราคาเนื้อหมูซึ่งเป็นอาหารหลักของประเทศมีราคาลดลงอย่างมาก