“จุลพันธ์” ยืนยันกฤษฎีกาพร้อมออก พ.ร.บ.กู้ทำดิจิทัลวอลเล็ตได้ ชงบอร์ดใหญ่สัปดาห์หน้า

190
0
Share:
“จุลพันธ์" ยืนยันกฤษฎีกาพร้อมออก พ.ร.บ.กู้ทำ ดิจิทัลวอลเล็ต ได้ ชงบอร์ดใหญ่สัปดาห์หน้า

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงการคลัง ได้ทำหนังสือสอบถามความเห็นจากคณะกรรมการกฤษฎีกา ต่อการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาใช้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตตามนโยบายของรัฐบาลนั้น ล่าสุด คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ส่งหนังสือตอบกลับมาแล้ว โดยยืนยันว่าสามารถออก พ.ร.บ.กู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการดิจิทัล วอลเล็ตได้ โดยเป็นไปตามอำนาจของคณะรัฐมนตรี (ครม.) และคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะออกกฎหมายกู้เงินดังกล่าวมาใช้ในโครงการ

อย่างไรก็ดี คณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ตั้งข้อสังเกตในบางประเด็น เช่น การออกกฎหมายกู้เงิน จะต้องเป็นไปตามพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 53 และ มาตรา 57 รวมทั้งจะต้องมีการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน ซึ่งประเด็นนี้ได้มีการพูดคุยกันในเบื้องต้นแล้ว แต่ยังไม่มีข้อสรุป

ทั้งนี้ คาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ที่มีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อพิจารณาข้อหารือในประเด็นกฎหมายดังกล่าว โดยจะมีตัวแทนเลขาธิการกฤษฎีกาที่ร่วมเป็นคณะกรรมการ มาพิจารณาตรวจข้อกฎหมาย สรุปข้อประชุม และความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกาว่ามีข้อสังเกต และแนวทางการดำเนินการอย่างไร ขณะที่ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงินนั้น กระทรวงการคลัง ได้ยกร่างไปบางส่วนแล้วในเบื้องต้น เรื่องนี้ ดำเนินการไม่ช้า

ส่วนประเด็นที่ยังมีความเห็นต่างว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤตหรือไม่นั้น คณะกรรมการกฤษฎีกา เพียงแต่พิจารณาว่าขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่ และข้อสังเกตว่าต้องเป็นโครงการที่ดำเนินการในสถานการณ์ที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤตจนไม่สามารถตั้งงบประมาณปกติมาดำเนินการได้ รวมทั้งความคุ้มค่าของโครงการ ต้องมีการประเมินผลก่อนและหลัง และรับฟังความคิดเห็นให้รอบด้าน ที่ต้องดูว่าจะมีกลไกอย่างไร เพื่อให้ได้รับฟังความคิดเห็นจากประชาชน หรือหน่วยงานใดเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่คณะกรรมการชุดใหญ่ต้องพิจารณาต่อ

“เรามั่นใจที่จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อ คาดว่า จะคิกออฟโครงการนี้ได้ในวันที่ 1 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ ในส่วนของคำว่า เศรษฐกิจเข้าขั้นวิกฤตหรือไม่ ซึ่งจะเป็นเหตุผลในการดำเนินโครงการดังกล่าวนั้น รัฐบาลก็ต้องไปหาคำตอบ อย่างไรก็ตาม เบื้องต้น เรายังยืนยันว่า เศรษฐกิจไทยนั้น เข้าขั้นเปราะบางและติดหล่มมานาน หลายฝ่ายต้องการให้เกิดการกระตุ้น ซึ่งโครงการนี้ ก็ตอบโจทย์”