จ้างงานครึ่งปีหลังส่อซึม นายจ้างเริ่มลดการผลิตลดกะทำงาน เริ่มปลดคนง เด็กจบใหม่ว่างงาน
นายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาองค์การนายจ้างผู้ประกอบการค้าและอุตสาหกรรมไทย เปิดเผยแนวโน้มการจ้างงานในช่วงครึ่งปีหลังว่า สถานการณ์ยังคงอยู่ในภาวะทรงตัวตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย โดยเฉพาะเศรษฐกิจคู่ค้าหลักอย่างสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป (อียู) หรือแม้แต่จีนที่เศรษฐกิจก็ไม่ได้เติบโตอย่างที่คาดหวังไว้ ซึ่งปัจจัยดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยในปี 2566 ที่คาดว่าจะติดลบราว 2-2.5% ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวแม้จะฟื้นตัวแต่ภาพรวมมูลค่าการท่องเที่ยวจะโตได้เพียง 3 ใน 4 ส่วนจากที่คาดไว้ว่าจะมีมูลค่ารวมที่ 3.2 ล้านล้านบาท ดังนั้นจึงทำให้ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังคงประคองการรักษาระดับการจ้างงานเดิมไว้มากกว่าการจ้างงานใหม่
อย่างไรก็ตามแม้การท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่อง ซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการจ้างงานเพิ่มในช่วงที่ผ่านมา แต่คาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะจีนจะเข้ามาราว 5 ล้านคนแต่เดือน พ.ค.มาแล้ว 1 ล้านคนท่ามกลางจีนยังคงไม่สนับสนุนให้คนจีนเที่ยวนอกประเทศ ทำให้เป้าหมายดังกล่าวมีแนวโน้มจะไม่ถึง ขณะที่การส่งออกของไทยเดือน พ.ค. 66 ยังคงลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 จึงทำให้การจ้างงานใหม่ยังคงทรงตัว ตามทิศทางเศรษฐกิจไทยที่จะชะลอตัว
ในส่วนของภาคการผลิตเพื่อการส่งออกหลายส่วนคำสั่งซื้อลดลง ทำให้อัตราการใช้กำลังการผลิต (CPU) ลดต่ำลง และมีบางกิจการเริ่มยกเลิกทำงานล่วงเวลา และลดแรงงานที่ไม่จำเป็นบ้างแล้ว เนื่องจากผู้ประกอบการบางส่วนพยายามประคองแรงงานให้มีงานทำโดยมีการผลิตเพื่อสต๊อกเอาไว้ทำให้คลังสินค้าเริ่มเต็ม ดังนั้นคงจะต้องดูแนวโน้มในช่วงที่เหลืออย่างใกล้ชิด ขณะที่ภาคการผลิตที่เน้นตลาดในประเทศเองก็ต้องเผชิญกับแรงซื้อที่ถดถอยจากค่าครองชีพประชาชนที่เพิ่มขึ้นและมีผลต่อหนี้ครัวเรือนในระดับสูง
ผลพวงดังกล่าวทำให้นักศึกษาจบใหม่ของปีการศึกษา 2565 ราว 5 แสนคนยังคงว่างงานราว 2 แสนกว่าคนและยังไม่ได้รวมสะสมจากปีก่อนๆ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากวุฒิการศึกษาไม่ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงาน ประกอบกับนักศึกษาจบใหม่บางส่วนเน้นทำงานรับจ้างอิสระหรือฟรีแลนซ์ ขณะที่ความต้องการแรงงานต่างด้าวยังมีการเติบโตแต่เริ่มชะลอตัวเช่นกันซึ่งแรงงานเหล่านี้เป็นประเภทไร้ทักษะที่จะเข้ามาทดแทนแรงงานไทยที่ไม่ทำงานประเภท 3 D ได้แก่ Difficult (งานหนัก) Dirty (งานสกปรก) และ Dangerous (งานอันตราย)
